รวมรายชื่อทั่วโลก! สนาม F1 มีที่ไหนบ้าง

Last updated: 25 ก.พ. 2568  |  824 จำนวนผู้เข้าชม  | 


Formula 1 หรือ F1 ถือเป็นอีกหนึ่งกีฬาความเร็วที่ได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วโลก ด้วยกติกาที่ลุ้นระทึก และความท้าทายสำหรับเหล่านักแข่งจากลักษณะของสนามที่มีความโค้งและระดับความสูงที่แตกต่างกันออกไป เพื่อทดสอบสมรรถนะของรถแข่งและความสามารถของนักแข่ง เราจึงจะเห็นว่าทั่วโลกมีสนามแข่งฟอร์มูล่าวันที่ได้รับการรับรองจากสมาพันธ์การแข่งขันรถยนต์ระดับโลก หรือ F.I.A. เพื่อรองรับการแข่งขันที่หลากหลายและเพิ่มเสน่ห์ให้กับการแข่งขันในแต่ละปี

ในบทความนี้ APRTECH จะพามาทำความรู้จักว่า สนามแข่ง F1 มีที่ไหนบ้างในแต่ละทวีป พร้อมเจาะลึกจุดเด่นอันน่าสนใจ ทั้งลักษณะเฉพาะของสนาม จำนวนโค้งที่ท้าทาย สถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และเรื่องราวความเป็นมาที่น่าติดตาม เพื่อเอาใจแฟนพันธุ์แท้ Formula 1 ที่ต้องการสัมผัสความเร้าใจของการแข่งขันอย่างใกล้ชิด


สนาม F1 ในทวีปเอเชีย

ทวีปเอเชีย ขึ้นชื่อในเรื่องของสภาพอากาศที่ร้อนชื้น อีกทั้งยังมีลักษณะของสนามที่โดดเด่นและท้าทาย เพื่อทดสอบความสามารถและความพร้อมทางร่างกายของนักแข่ง โดยสนามแข่งรถ F1 ในทวีปเอเชียที่นิยมใช้จัดทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ มีดังนี้

  • บาห์เรน: Bahrain International Circuit

สนามแข่งรถ Bahrain International Circuit (BIC) เป็นสนาม F1 ระดับโลกที่เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2004 มีความยาว 5.412 กิโลเมตร และมีจำนวนโค้งทั้งหมด 15 โค้ง สนามนี้โดดเด่นทั้งในส่วนของทางตรงความเร็วสูง โค้งที่ท้าทายเทคนิคการขับ และพื้นผิวถนนที่มีลักษณะแตกต่างกัน นอกจากนี้ สภาพอากาศร้อนจัดในเวลากลางวัน ทำให้นักแข่งและทีมต้องเตรียมความพร้อมทางร่างกายอย่างเต็มที่

  • ซาอุดีอาระเบีย: Jeddah Corniche Circuit

Jeddah Corniche Circuit เป็นหนึ่งในสนามแข่งฟอร์มูล่าวันสุดท้าทาย ด้วยเอกลักษณ์ของสนามที่แคบและคดเคี้ยว มีโค้งมากถึง 27 โค้งในระยะทาง 6.174 กม. อีกทั้งยังตั้งอยู่ริมทะเลแดง มอบประสบการณ์สุดตื่นเต้นให้กับนักแข่งด้วยวิวที่สวยงามและการแข่งขันที่เร้าใจ เนื่องจากลมทะเลที่พัดแรงอาจส่งผลต่อการควบคุมรถ ทำให้นักแข่งต้องควบคุมรถอย่างแม่นยำและมั่นคง

  • จีน: Shanghai International Circuit

สนามแข่งรถ F1 Shanghai International Circuit เป็นสนามที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ โดยเมื่อมองในมุมสูงจะมีลักษณะคล้ายกับตัวอักษรจีน 上 (อ่านว่า ‘ช่าง’) ที่แปลว่า “สูงขึ้นไป” อีกทั้งเป็นตัวอักษรแรกของคำว่า Shanghai (上海) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศจีนอีกด้วย ภายในสนามมีระยะทาง 5.451 กม. และโค้งทั้งหมด 16 โค้ง ซึ่งโค้งที่ขึ้นชื่อว่าปราบเซียนที่สุดจะเป็นช่วงโค้งที่ 1-3 ที่มีลักษณะเป็นก้นหอย และโค้งที่ 14 ซึ่งมีความแคบและหักศอก

  • ญี่ปุ่น: Suzuka Circuit

สนาม Suzuka Circuit หนึ่งในสนามแข่ง F1 ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เปิดใช้งานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962  เดิมทีสร้างขึ้นเพื่อเป็นสนามทดสอบรถของฮอนด้า มีเอกลักษณ์ด้วยเส้นทางของสนามที่ตัดไขว้กันคล้ายกับเลข 8 รวมถึงจุดโค้งหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น โค้งรูปตัว S หรือโค้งหักศอก รวม 18 โค้ง ในระยะทาง 5.807 กม. นอกจากนี้ สนามซูซูกะยังเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน Suzuka 8 Hours การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ Endurance ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย

  • สิงคโปร์: Marina Bay Street Circuit

สนามแข่งรถ F1 Marina Bay Street Circuit เป็นสนามแข่งที่ได้ชื่อว่ามีความท้าทายที่สุด ด้วยจำนวนโค้งถึง 19 โค้งในระยะทาง 4.940 กิโลเมตร โดยแผนผังของสนามมีหลายจุดที่เป็นโค้งหักศอก โดยเฉพาะช่วงโค้งที่ 7-8-9 อีกทั้งสนามยังตั้งอยู่ในบริเวณที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น และมีการกั้นด้วยผนังคอนกรีต ทำให้ผู้ขับขี่ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษทั้งในด้านสภาพร่างกายและการควบคุมรถ

  • อาเซอร์ไบจาน: Baku City Circuit

สนามแข่งฟอร์มูล่าวัน บากูซิตี้เซอร์กิต ตั้งอยู่ที่เมืองบากู ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอาเซอร์ไบจาน มีลักษณะของแผนผังสนามที่หลากหลาย ทั้งโค้งหักศอก ทางตรงยาว และทางโค้งแคบ โดยสนามมีความยาว 6.003 กม. และทางโค้ง 20 โค้ง อีกทั้งพื้นผิวของสนามยังมีความขรุขระ ผู้แข่งขันจึงจำเป็นต้องมีเทคนิคในการขับขี่ที่แม่นยำ ทำให้เป็นสนามที่น่าตื่นเต้นและลุ้นระทึกสำหรับนักแข่งและผู้ชม

  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์: Yas Marina Circuit

Yas Marina Circuit สนาม F1 ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสุดล้ำสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหรา ตั้งอยู่บนเกาะ Yas Island โดยแผนผังของสนามมีความน่าสนใจ โดยเริ่มจากโค้งความเร็วสูงสลับกับทางตรงยาว เพื่อให้นักแข่งได้นำเทคนิคในการควบคุมรถและการขับแซงมาใช้ในการแข่งขัน ตลอดระยะความยาวสนาม 5.281 กม. และโค้งกว่า 16 โค้ง สำหรับการแข่งในรูปแบบ Grand Prix

 

 

สนาม F1 ในทวีปยุโรป

สนามแข่งฟอร์มูล่าวันในทวีปยุโรปหลายแห่งได้รับความนิยมในการจัดแข่งขัน เนื่องจากมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มีความท้าทาย และมักจะตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก นอกจากนี้ สภาพอากาศในยุโรปส่วนใหญ่ยังเอื้ออำนวยต่อการแข่งขัน ทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างราบรื่นโดยสนามที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก FIA และนำมาใช้เป็นสนามแข่งในปีที่ผ่านมา มีดังนี้

  • สเปน: Circuit de Barcelona-Catalunya

สนาม Circuit de Barcelona-Catalunya เป็นหนึ่งในสนามแข่งที่ได้รับความนิยมทั้งในการแข่งขัน Formula 1 และ MotoGP ด้วยแผนผังสนามที่มีความสมดุลระหว่างทางตรงยาวกว่า 1,047 เมตรสำหรับการทำความเร็ว และโค้งเทคนิคหลากหลายจุด ทำให้การแข่งขันดูน่าตื่นเต้นเร้าใจ เพราะนักแข่งสามารถใช้เทคนิคในการแซงคู่ต่อสู้ได้ตลอดทั้งสนาม อีกทั้งสนามแห่งนี้ยังได้รับความนิยมในฐานะสนามทดสอบรถแข่ง เพราะมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างคงที่ตลอดปี

  • โมนาโก: Circuit de Monaco

สนาม Circuit de Monaco เป็นสนาม F1 ที่มีขนาดเล็กแต่ท้าทายสำหรับนักแข่งอย่างมาก เพราะมีเส้นทางที่แคบและโค้งที่ซับซ้อน ด้วยความยาวเพียง 3.337 กม. แต่มีจำนวนโค้งมากถึง 20 โค้ง อีกทั้งกำแพงโดยรอบยังเป็นกำแพงคอนกรีต ทำให้นักแข่งแทบไม่มีโอกาสแซงหรือทำผิดพลาดได้เลยตลอดการแข่งขัน แต่นอกเหนือจากความท้าทายแล้ว บรรยากาศโดยรอบของสนามยังล้อมรอบด้วยทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และสามารถมองเห็นเทือกเขาแอลป์ที่สวยงาม จึงเป็นอีกหนึ่งสนามแข่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

  • ออสเตรีย: Red Bull Ring

Red Bull Ring สนามแข่งฟอร์มูล่าวันที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 60 ปี เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 1969 โดยพื้นที่ตั้งแต่เดิมเป็นฐานทัพอากาศ อยู่ภายในเทือกเขา Styrian ที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และได้มีการบูรณะหลายครั้งจนทำให้ได้สนามที่มีความปลอดภัยและทันสมัย มีความยาว 4.318 กม. แผนผังภายในสนามยังมีเส้นทางที่เป็นทางตรงความเร็วสูง โค้งหักศอก และโค้งตัว S ที่ช่วยเพิ่มความท้าทายและวัดความแม่นยำของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี

  • อังกฤษ: Silverstone Circuit

สนามซิลเวอร์สโตนเซอร์กิต หนึ่งในสนามแข่งรถ F1 ที่มีความเก่าแก่ที่สุด ได้ชื่อว่าเป็นบ้านเกิดของการแข่งขัน British Grand Prix โดยเริ่มใช้ในการแข่งขันตั้งแต่ปี 1950 และได้มีการปรับผังสนามอยู่เรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน มีระยะทางทั้งหมด 5.891 กม. และจำนวนโค้ง 18 โค้ง ทั้งโค้งความเร็วสูง โค้งช้า และโค้งหักศอกสลับกันตลอดระยะทาง ทำให้เป็นอีกหนึ่งสนามที่มีความท้าทายและน่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

  • ฮังการี: Hungaroring

สนาม Hungaroring เป็นสนาม F1 ที่มีรูปแบบท้าทายสำหรับนักแข่ง พร้อมความสวยงามด้านวิวทิวทัศน์ที่ล้อมรอบด้วยเนินเขาและป่าไม้ ภายในสนามมีความยาว 4.381 กม. และมีโค้งทั้งหมด 14 โค้ง แผนผังสนามคดเคี้ยวและมีโค้งต่อเนื่องตลอดระยะทาง มีการเปลี่ยนระดับสูง-ต่ำเนื่องจากตั้งอยู่บนภูเขา อีกทั้งยังมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน นักแข่งจึงต้องมีทักษะและเทคนิคในการขับขี่ รวมถึงสภาพร่างกายที่แข็งแรงเป็นอย่างมาก

  • เบลเยียม: Circuit de Spa-Francorchamps

เซอร์กิต เดอ สปา-ฟรองโกชองส์ สนามแข่ง F1 ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสนามแข่งที่โดดเด่นที่สุดในโลก ด้วยลักษณะเป็นสนามต่างระดับ เริ่มจากการไต่ขึ้นในช่วงแรกและลาดลงในช่วงหลัง มีระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร และมี 20 โค้งที่สลับซับซ้อนตลอดเส้นทางการแข่งขัน โดยจุดที่ท้าทายที่สุดอยู่ในช่วงโค้งที่ 19-20 ซึ่งเป็นทางโค้งที่สั้นและแคบ ก่อนเข้าสู่ทางตรงและเข้าเส้นชัย

  • เนเธอร์แลนด์: Circuit Zandvoort

Circuit Zandvoort สนาม F1 ที่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศวิวทะเลที่สวยงามและการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ชมมาตั้งแต่ปี 1948 ตั้งอยู่ใกล้ชายหาดทางเหนือ มีลักษณะเส้นทางที่คดเคี้ยวและสูงชัน มีความยาวสนามต่อรอบอยู่ที่ 4.259 กิโลเมตร ประกอบด้วยโค้งทั้งหมด 14 โค้งที่หลากหลาย ทั้งโค้งเร็ว โค้งช้า และโค้งขึ้นเนินความเร็วสูง อีกทั้งยังมีลมทะเลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพิ่มความท้าทายให้กับนักแข่งในการควบคุมรถอย่างปลอดภัย

  • อิตาลี: Autodromo Nazionale Monza

สนาม Autodromo Nazionale Monza หรือที่นิยมเรียกกันโดยย่อว่า Monza Circuit เป็นสนาม F1 สุดเก่าแก่ที่เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 1922 ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองมิลาน ได้รับสมญานามว่าเป็น “วิหารแห่งความเร็ว” เนื่องจากแผนผังของสนามมีทั้งทางตรงยาวและโค้งความเร็วสูงที่นักแข่งสามารถทำความเร็วได้อย่างเต็มที่ตลอดระยะทาง 5.793 กม. ของสนาม นอกจากนี้ สนาม Monza ยังนิยมใช้ในการจัดแข่งขันอื่น ๆ อย่าง Formula 1 Italian Grand Prix, Superbike World Championship และ Monza Rally Show เป็นต้น



สนาม F1 ในทวีปอเมริกาเหนือ

แม้ว่าการแข่งขันฟอร์มูล่าวันในโซนทวีปอเมริกาเหนือจะเพิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงเวลาไม่นานมานี้ แต่ก็มีหลากหลายสนามแข่ง F1 ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสมาพันธ์การแข่งขันรถยนต์ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น

  • สหรัฐอเมริกา: Circuit of the Americas (COTA)

สนาม Circuit of the Americas (COTA) เป็นสนามแข่งรถ F1 ที่ตั้งอยู่ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส เปิดใช้งานครั้งแรกในปี พ.ศ. 2555 และได้รับการออกแบบโดย Hermann Tilke สถาปนิกชื่อดังชาวเยอรมันที่เชี่ยวชาญในการออกแบบสนามแข่งรถ และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสนามแข่งที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในโลก โดยสนามนี้มีเลย์เอาต์ที่ท้าทายและน่าตื่นเต้น ด้วยโค้งที่หลากหลาย ทั้งโค้งความเร็วสูง โค้งแคบ และโค้งรูปตัว S รวมทั้งสิ้น 20 โค้ง ตลอดระยะทาง 5.513 กม.

  • สหรัฐอเมริกา: Miami International Autodrome

สนามไมอามี่ อินเตอร์เนชันแนล ออโตโดรม เป็นสนามแข่งรถ F1 ชั่วคราวที่สร้างขึ้นในปี 2022 เพื่อรองรับการแข่งขัน Miami Grand Prix โดยเฉพาะ ตั้งอยู่รอบ ๆ สนามกีฬา Hard Rock Stadium มีความยาว 5.412 กิโลเมตร และมีโค้งทั้งหมด 19 โค้ง ซึ่งโค้งที่มีความท้าทายจะอยู่ในช่วงโค้ง 14-15 ซึ่งเป็นโค้งแคบที่ต้องใช้ทักษะในการเบรกและการควบคุมรถอย่างแม่นยำ

  • แคนาดา: Circuit Gilles Villeneuve

Circuit Gilles Villeneuve สนามแข่งรถฟอร์มูล่าวันที่ตั้งอยู่บนเกาะ Île Notre-Dame ซึ่งเป็นเกาะมนุษย์สร้างขึ้นกลางแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ ทำให้มีทัศนียภาพที่สวยงามและบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ โดยแผนผังภายในสนามมีความยาว 4.361 กม. และมีความท้าทายด้วยโค้งตัว S หลายจุด รวมถึงโค้งหักศอกที่แคบ อีกทั้งยังมีจุดอันตรายที่เรียกว่า "Wall of Champions" ซึ่งเป็นกำแพงบริเวณโค้งสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย และเป็นจุดที่นักแข่งหลายคนเคยเกิดอุบัติเหตุจนต้องออกจากการแข่งขัน

  • เม็กซิโก: Autódromo Hermanos Rodríguez

สนาม Autódromo Hermanos Rodríguez เป็นหนึ่งในสนามแข่ง F1 ที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 2,285 เมตร ซึ่งส่งผลต่อสภาพอากาศและความกดอากาศที่มีผลต่อการขับขี่อย่างมาก ตลอดระยะทาง 4.304 กม. จะมีทางตรงยาวหลายจุดสลับกับทางโค้งต่อเนื่อง นักแข่งจึงต้องมีความแม่นยำในการรักษาจังหวะการขับขี่อย่างดีเพื่อให้สามารถทำความเร็วเอาชนะคู่แข่งได้

 

 

สนาม F1 ในทวีปอเมริกาใต้

โดยทั่วไปแล้ว ทวีปอเมริกาใต้เป็นทวีปที่ไม่ได้มีการจัดแข่งขัน Grand Prix บ่อยเท่าทวีปอื่น แต่ก็มีสนามแข่ง F1 ที่ได้รับความนิยมในการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันสำหรับภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ ได้แก่

  • บราซิล: Autódromo José Carlos Pace

สนาม Autódromo José Carlos Pace หรือที่รู้จักในชื่อ Interlagos Circuit เป็นสนามแข่งรถ F1 ที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1940 ลักษณะพิเศษของสนามแห่งนี้คือ ตั้งอยู่บนพื้นที่เนินที่มีความสูง-ต่ำแตกต่างกัน ทำให้ต้องใช้การควบคุมรถที่แข็งแกร่ง รวมถึงสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นที่ทำให้เกิดพายุฝนบ่อยครั้ง จึงทำให้สนามแห่งนี้มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น แม้ว่าทางโค้งทั้ง 15 จุดจะไม่ใช่โค้งหักศอกหรือโค้งสั้น แต่ก็เป็นโค้งต่อเนื่องที่ผู้ขับขี่ต้องมีความชำนาญพอสมควร

 


สนาม F1 ในทวีปออสเตรเลีย

ทวีปออสเตรเลีย แม้จะเป็นทวีปที่มีขนาดเล็ก แต่ก็มีสนามแข่งรถฟอร์มูล่าวันที่ได้รับรองมาตรฐาน อีกทั้งยังมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ ได้แก่

  • ออสเตรเลีย: Albert Park Circuit

Albert Park Circuit สนาม F1 ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในหมู่แฟน ๆ ฟอร์มูล่าวันทั่วโลก มีลักษณะเด่นคือเป็นสนามที่ใช้ถนนสาธารณะเป็นส่วนหนึ่งของสนามแข่ง ทำให้มีบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากสนามแข่งอื่น ๆ ตลอดระยะทาง 5.278 กม. จะมีทั้งโค้งความเร็วสูง โค้งกลาง และโค้งช้า อีกทั้งพื้นผิวของสนามจะมีความแตกต่างกันในแต่ละจุด นักแข่งจึงต้องมีทักษะในการควบคุมรถเป็นอย่างดี

 

จะรถแข่งในสนาม F1 หรือรถหรูคันโปรด ก็ต้องมีเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK

สำหรับคนรักรถ ไม่ว่าจะเป็นรถแข่งคู่ใจหรือรถหรูคันโปรด ที่กังวลว่ารถจะเกิดการสึกหรอหากใช้งานเป็นประจำ ทำให้หลายคนเลือกที่จะจอดทิ้งไว้เพื่อรักษาสภาพรถ แต่หารู้ไม่ว่า การจอดรถไว้นาน ๆ โดยไม่สตาร์ทหรือขับขี่ อาจทำให้แบตเตอรี่คายประจุและเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รถเสียหายได้ง่าย ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาแบตเตอรี่เสื่อม การเลือกใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยดูแลรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอโดยไม่จำเป็นต้องนำรถออกไปวนขับเองให้เสียเวลา

ดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานยาวนานเต็มประสิทธิภาพ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK ที่ได้รับความไว้วางใจผลิตเครื่องชาร์จแบตฯ ให้กับรถยนต์ชั้นนำมากที่สุดในโลก เช่น Mercedes-Benz, Porsche, Rolls-Royce, Lamborghini, Ferrari, McLaren, Bentley, Maserati, BMW, Mini, Audi, Jaguar, Lexus, Koenigsegg, Chrysler, Jeep และอื่น ๆ อีกมากมาย

 

 

โดยรุ่นที่แนะนำคือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จที่เหมาะกับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คุณสมบัติเด่น:

- กระแสชาร์จสูงสุด 5A
- เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah
- ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านช่างก็สามารถใช้งานได้
- รุ่นขายดีที่สุดในปัจจุบัน

ให้รถคันโปรดของคุณพร้อมใช้งานเสมอ แม้ไม่ได้ขับออกไปไหนบ่อย ๆ สั่งซื้อเลยวันนี้!

 

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้