รถ PHEV คืออะไร แตกต่างกับ รถ HEV อย่างไร?

Last updated: 31 ส.ค. 2567  |  270 จำนวนผู้เข้าชม  | 


ในปัจจุบันที่พลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมันมีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ EV จึงได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ด้วยข้อดีในเรื่องของความประหยัดและสมรรถนะในการขับขี่ที่ราบรื่น ซึ่งในปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังสามารถแยกย่อยออกเป็นหลายประเภท อาทิ รถ HEV หรือรถไฮบริด, รถ BEV หรือรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ และรถ PHEV หรือรถปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจซื้อรถ EV และสงสัยว่า รถ PHEV คืออะไร แตกต่างจากรถไฮบริดหรือ HEV อย่างไร วันนี้ aprtech จะมาเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ของยานพาหนะทั้งสองประเภทเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนที่คุณจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน


รถ PHEV คืออะไร?

PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) หรือรถปลั๊กอินไฮบริด เป็นยานพาหนะไฟฟ้าที่พัฒนามาจากรถไฮบริด (HEV) โดยผสมผสานระหว่างการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าด้วยกัน มีจุดเด่นคือสามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ ทำให้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน ๆ ได้ในระยะทางหนึ่ง เมื่อเทียบกับรถไฮบริดทั่วไปที่ไม่สามารถชาร์จไฟได้และต้องพึ่งพาการใช้น้ำมันเป็นหลัก รถ PHEV จึงมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด


รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทำงานอย่างไร?

โดยหลักการทำงานของรถ PHEV คือ ผู้ขับขี่จะสามารถเลือกได้ว่าต้องการขับเคลื่อนรถยนต์โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว (โหมด EV) หรือขับเคลื่อนโดยใช้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน (โหมด Hybrid) ซึ่งหากเลือกใช้เป็นโหมด EV ก็จะมีการทำงานเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป และสามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟได้ หรือเมื่อกระแสไฟฟ้าหมดและไม่สามารถหาจุดชาร์จได้ ระบบจะสลับไปใช้โหมด Hybrid แทนเพื่อให้สามารถขับขี่ได้ต่อโดยไม่เกิดปัญหา


ข้อดี ข้อเสีย ของรถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)

รถ PHEV คืออีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยความสามารถในการขับเคลื่อนด้วยทั้งระบบไฟฟ้าและน้ำมัน โดยรถ PHEV ก็มีทั้งจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้


ข้อดีของรถ Plug-in Hybrid

  • ประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า

รถ PHEV คือยานพาหนะที่เน้นการขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้ใช้น้ำมันน้อยลง ลดการเกิดควันจากท่อไอเสียซึ่งก่อให้เกิดมลพิษและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

  • สามารถเดินทางได้สะดวก ไม่ติดขัด

เนื่องจากรถ PHEV สามารถใช้งานได้ 2 ระบบทั้งระบบไฟฟ้าและระบบน้ำมัน ทำให้สามารถขับขี่ได้อย่างราบรื่น เพราะหากขับรถไปยังพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไว้ให้บริการก็ยังสามารถสลับมาใช้ระบบน้ำมันเพื่อขับขี่ต่อได้

  • มีสมรรถนะที่สูงกว่ารถยนต์ทั่วไป

รถยนต์ PHEV จะมีสมรรถนะการขับขี่ที่รวดเร็ว และไม่มีเสียงรบกวน เมื่อเทียบกับรถไฮบริดหรือรถยนต์แบบใช้น้ำมันทั่วไปที่ใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน


ข้อเสียของรถ Plug-in Hybrid

  • มีราคาค่อนข้างสูง

รถ PHEV จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่ว ๆ ไป เนื่องจากมีต้นทุนในส่วนของส่วนประกอบภายในรถอย่างแบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า หรือระบบควบคุมที่สูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์น้ำมัน

  • ระยะการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าสั้นกว่ารถ EV

เนื่องจากแบตเตอรี่ที่ใช้ในการเก็บประจุไฟฟ้าจะมีขนาดเล็กกว่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ ทำให้มีระยะทางการวิ่งค่อนข้างสั้นหากใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และจำเป็นต้องหาจุดชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างทาง

  • บำรุงรักษาค่อนข้างยาก มีค่าใช้จ่ายสูง

รถ PHEV มีระบบภายในที่ซับซ้อนกว่ารถยนต์ทั่วไป จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาจากช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ อีกทั้งหากอุปกรณ์สำคัญอย่างแบตเตอรี่หรือมอเตอร์เกิดความเสียหาย จะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหรือซ่อมแซมที่สูงกว่า

 

รถ HEV คืออะไร?

รถ HEV หรือที่นิยมเรียกกันว่า รถไฮบริด เป็นรถยนต์ที่มีระบบการขับเคลื่อนผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้า โดยรถไฮบริดถูกออกแบบมาเพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอนซึ่งก่อให้เกิดมลพิษและภาวะโลกร้อน และจะทำการสลับระหว่างการใช้พลังงานไฟฟ้าและเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงสูงสุด


ระบบรถไฮบริดทำงานอย่างไร?

การทำงานของรถ HEV จะแตกต่างจากรถ PHEV ตรงที่ไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ แต่จะใช้ระบบ Self-Charging เพื่อสร้างประจุไฟฟ้าจากพลังงานจลน์ที่เกิดขึ้นในระหว่างเบรกหรือชะลอรถ โดยขณะขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ และเมื่อเร่งความเร็วหรือออกตัว ก็จะสลับมาใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลักเพื่อให้ขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล


ข้อดี ข้อเสีย ของรถไฮบริด (HEV)

รถไฮบริด เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ประหยัดพลังงาน โดยมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ผู้ซื้อควรศึกษา ดังนี้


ข้อดีของรถ Hybrid

  • ประหยัดพลังงานกว่ารถยนต์ทั่วไป

รถไฮบริดจะใช้ทั้งพลังงานเครื่องยนต์และพลังงานไฟฟ้าในการขับขี่ ทำให้ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารถยนต์ทั่วไป อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศในระยะยาว ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

  • หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด

ในปัจจุบันแบรนด์รถยนต์ตามท้องตลาดได้หันมาผลิตรถไฮบริดมากขึ้น ซึ่งมีให้เลือกทั้งขนาด จุดประสงค์การใช้งาน รวมถึงยี่ห้อที่หลากหลาย แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังมีแบรนด์ให้เลือกในท้องตลาดไม่มาก

  • มีราคาค่อนข้างถูกกว่า

รถ Hybrid มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 700,000 - 800,000 บาท ในขณะที่รถ PHEV จะมีราคาเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทขึ้นไป จึงเหมาะกับคนที่กำลังมองหารถใหม่ในราคาที่ไม่สูงนัก



ข้อเสียของรถ Hybrid

  • บำรุงรักษาได้ยากเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป

รถ Hybrid มีค่าใช้จ่ายในส่วนของอะไหล่อย่างแบตเตอรี่และการซ่อมบำรุงที่ค่อนข้างสูงเช่นเดียวกับรถ PHEV อีกทั้งศูนย์ซ่อมที่มีความเชี่ยวชาญก็ยังมีจำกัดเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป

  • ไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้

รถ Hybrid ไม่ถือว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากไม่สามารถใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับขี่เพียงลำพังได้ อีกทั้งยังไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้เหมือนกับรถ PHEV


รถ PHEV กับ Hybrid ต่างกันอย่างไร

ถึงแม้ว่ารถ PHEV และรถ Hybrid จะมีวัตถุประสงค์ที่คล้ายคลึงกันคือเรื่องของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงาน แต่รถทั้ง 2 ประเภทก็มีรายละเอียดรวมถึงลักษณะการใช้งานบางจุดที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่

  • การชาร์จไฟแบตเตอรี่

ส่วนใหญ่รถ HEV จะไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ แต่จะใช้ระบบ Regenerative Braking ในการสร้างประจุไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ขณะเบรก และนำพลังงานจากเครื่องยนต์มาใช้ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งแตกต่างจากรถ PHEV ที่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้

  • อัตราการประหยัดพลังงาน

รถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) สามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่ารถไฮบริดแบบดั้งเดิมในระยะยาว เนื่องจากสามารถชาร์จไฟและขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงลงอย่างเห็นได้ชัด

  • การใช้พลังงาน

รถ Hybrid จะใช้พลังงานจากเครื่องยนต์เป็นหลัก โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะเข้ามาช่วยเสริมแรงขับเคลื่อนในบางช่วงเวลา เช่น การเร่งแซง หรือออกตัว ส่วนรถ PHEV นั้นจะมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน เพราะสามารถเลือกได้ว่าจะใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรงหรือจากเครื่องยนต์ จึงเหมาะกับการเดินทางไกล หรือในพื้นที่ที่ยังไม่มีสถานีชาร์จไฟฟ้าเพียงพอ

  • องค์ประกอบภายในเครื่องยนต์

รถ PHEV มีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่ารถ Hybrid เนื่องจากมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ ทำให้มีน้ำหนักรถโดยรวมมากกว่า ขณะที่รถ Hybrid มีแบตเตอรี่ขนาดเล็กที่ใช้เสริมการทำงานของเครื่องยนต์ จึงมีน้ำหนักรถที่เบากว่า และหากแบตเตอรี่เสื่อม รถไฮบริดจะยังสามารถทำงานได้ด้วยพลังงานจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน


รถปลั๊กอินไฮบริด และรถไฮบริด ก็ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK ได้

รถ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) และรถ Hybrid (Hybrid Electric Vehicle) นั้นจะมีแบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์อยู่ ทำหน้าที่จ่ายไฟให้กับระบบไฟฟ้าในรถยนต์ เช่น ไฟหน้า ไฟท้าย วิทยุ เครื่องปรับอากาศ ระบบสัญญาณ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อย่างเช่น รถ Porsche Cayenne หนึ่งในรถยนต์ SUV สุดหรู ที่มีรุ่นที่เป็น PHEV ที่มีทั้งเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งถ้าหากแบตเตอรี่ 12 โวลต์นี้มีปัญหา อาจส่งผลให้รถไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ 


ดูแลแบตเตอรี่รถด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK ที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้รับความไว้วางใจผลิตให้กับรถยนต์ชั้นนำมากที่สุดในโลก เช่น Mercedes-Benz, Porsche, Rolls-Royce, Lamborghini, Ferrari, McLaren, Bentley, Maserati, BMW, Mini, Audi, Jaguar, Lexus, Koenigsegg, Chrysler, Jeep และอื่น ๆ อีกมากมาย


โดยรุ่นที่แนะนำคือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จที่เหมาะกับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คุณสมบัติเด่น:


- กระแสชาร์จสูงสุด 5A
- เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah
- ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านช่างก็สามารถใช้งานได้
- รุ่นขายดีที่สุดในปัจจุบัน

ไม่ว่าจะรถยนต์แบบไหน อย่าลืมดูแลแบตเตอรี่รถให้ดีอยู่เสมอ สั่งซื้อ CTEK เลยวันนี้



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้