Last updated: 31 ส.ค. 2567 | 2983 จำนวนผู้เข้าชม |
ในปัจจุบันที่พลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมันมีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ EV จึงได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ด้วยข้อดีในเรื่องของความประหยัดและสมรรถนะในการขับขี่ที่ราบรื่น ซึ่งในปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังสามารถแยกย่อยออกเป็นหลายประเภท อาทิ รถ HEV หรือรถไฮบริด, รถ BEV หรือรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ และรถ PHEV หรือรถปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจซื้อรถ EV และสงสัยว่า รถ PHEV คืออะไร แตกต่างจากรถไฮบริดหรือ HEV อย่างไร วันนี้ aprtech จะมาเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ของยานพาหนะทั้งสองประเภทเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนที่คุณจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน
PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) หรือรถปลั๊กอินไฮบริด เป็นยานพาหนะไฟฟ้าที่พัฒนามาจากรถไฮบริด (HEV) โดยผสมผสานระหว่างการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าด้วยกัน มีจุดเด่นคือสามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ ทำให้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน ๆ ได้ในระยะทางหนึ่ง เมื่อเทียบกับรถไฮบริดทั่วไปที่ไม่สามารถชาร์จไฟได้และต้องพึ่งพาการใช้น้ำมันเป็นหลัก รถ PHEV จึงมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
โดยหลักการทำงานของรถ PHEV คือ ผู้ขับขี่จะสามารถเลือกได้ว่าต้องการขับเคลื่อนรถยนต์โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว (โหมด EV) หรือขับเคลื่อนโดยใช้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน (โหมด Hybrid) ซึ่งหากเลือกใช้เป็นโหมด EV ก็จะมีการทำงานเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป และสามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟได้ หรือเมื่อกระแสไฟฟ้าหมดและไม่สามารถหาจุดชาร์จได้ ระบบจะสลับไปใช้โหมด Hybrid แทนเพื่อให้สามารถขับขี่ได้ต่อโดยไม่เกิดปัญหา
รถ PHEV คืออีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยความสามารถในการขับเคลื่อนด้วยทั้งระบบไฟฟ้าและน้ำมัน โดยรถ PHEV ก็มีทั้งจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
รถ PHEV คือยานพาหนะที่เน้นการขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้ใช้น้ำมันน้อยลง ลดการเกิดควันจากท่อไอเสียซึ่งก่อให้เกิดมลพิษและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เนื่องจากรถ PHEV สามารถใช้งานได้ 2 ระบบทั้งระบบไฟฟ้าและระบบน้ำมัน ทำให้สามารถขับขี่ได้อย่างราบรื่น เพราะหากขับรถไปยังพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไว้ให้บริการก็ยังสามารถสลับมาใช้ระบบน้ำมันเพื่อขับขี่ต่อได้
รถยนต์ PHEV จะมีสมรรถนะการขับขี่ที่รวดเร็ว และไม่มีเสียงรบกวน เมื่อเทียบกับรถไฮบริดหรือรถยนต์แบบใช้น้ำมันทั่วไปที่ใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน
รถ PHEV จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่ว ๆ ไป เนื่องจากมีต้นทุนในส่วนของส่วนประกอบภายในรถอย่างแบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า หรือระบบควบคุมที่สูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์น้ำมัน
เนื่องจากแบตเตอรี่ที่ใช้ในการเก็บประจุไฟฟ้าจะมีขนาดเล็กกว่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ ทำให้มีระยะทางการวิ่งค่อนข้างสั้นหากใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และจำเป็นต้องหาจุดชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างทาง
รถ PHEV มีระบบภายในที่ซับซ้อนกว่ารถยนต์ทั่วไป จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาจากช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ อีกทั้งหากอุปกรณ์สำคัญอย่างแบตเตอรี่หรือมอเตอร์เกิดความเสียหาย จะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหรือซ่อมแซมที่สูงกว่า
รถ HEV หรือที่นิยมเรียกกันว่า รถไฮบริด เป็นรถยนต์ที่มีระบบการขับเคลื่อนผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้า โดยรถไฮบริดถูกออกแบบมาเพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอนซึ่งก่อให้เกิดมลพิษและภาวะโลกร้อน และจะทำการสลับระหว่างการใช้พลังงานไฟฟ้าและเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงสูงสุด
การทำงานของรถ HEV จะแตกต่างจากรถ PHEV ตรงที่ไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ แต่จะใช้ระบบ Self-Charging เพื่อสร้างประจุไฟฟ้าจากพลังงานจลน์ที่เกิดขึ้นในระหว่างเบรกหรือชะลอรถ โดยขณะขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ และเมื่อเร่งความเร็วหรือออกตัว ก็จะสลับมาใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลักเพื่อให้ขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล
รถไฮบริด เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ประหยัดพลังงาน โดยมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ผู้ซื้อควรศึกษา ดังนี้
รถไฮบริดจะใช้ทั้งพลังงานเครื่องยนต์และพลังงานไฟฟ้าในการขับขี่ ทำให้ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารถยนต์ทั่วไป อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศในระยะยาว ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ในปัจจุบันแบรนด์รถยนต์ตามท้องตลาดได้หันมาผลิตรถไฮบริดมากขึ้น ซึ่งมีให้เลือกทั้งขนาด จุดประสงค์การใช้งาน รวมถึงยี่ห้อที่หลากหลาย แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังมีแบรนด์ให้เลือกในท้องตลาดไม่มาก
รถ Hybrid มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 700,000 - 800,000 บาท ในขณะที่รถ PHEV จะมีราคาเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทขึ้นไป จึงเหมาะกับคนที่กำลังมองหารถใหม่ในราคาที่ไม่สูงนัก
รถ Hybrid มีค่าใช้จ่ายในส่วนของอะไหล่อย่างแบตเตอรี่และการซ่อมบำรุงที่ค่อนข้างสูงเช่นเดียวกับรถ PHEV อีกทั้งศูนย์ซ่อมที่มีความเชี่ยวชาญก็ยังมีจำกัดเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป
รถ Hybrid ไม่ถือว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากไม่สามารถใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับขี่เพียงลำพังได้ อีกทั้งยังไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้เหมือนกับรถ PHEV
ถึงแม้ว่ารถ PHEV และรถ Hybrid จะมีวัตถุประสงค์ที่คล้ายคลึงกันคือเรื่องของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงาน แต่รถทั้ง 2 ประเภทก็มีรายละเอียดรวมถึงลักษณะการใช้งานบางจุดที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่
ส่วนใหญ่รถ HEV จะไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ แต่จะใช้ระบบ Regenerative Braking ในการสร้างประจุไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ขณะเบรก และนำพลังงานจากเครื่องยนต์มาใช้ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งแตกต่างจากรถ PHEV ที่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้
รถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) สามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่ารถไฮบริดแบบดั้งเดิมในระยะยาว เนื่องจากสามารถชาร์จไฟและขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงลงอย่างเห็นได้ชัด
รถ Hybrid จะใช้พลังงานจากเครื่องยนต์เป็นหลัก โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะเข้ามาช่วยเสริมแรงขับเคลื่อนในบางช่วงเวลา เช่น การเร่งแซง หรือออกตัว ส่วนรถ PHEV นั้นจะมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน เพราะสามารถเลือกได้ว่าจะใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรงหรือจากเครื่องยนต์ จึงเหมาะกับการเดินทางไกล หรือในพื้นที่ที่ยังไม่มีสถานีชาร์จไฟฟ้าเพียงพอ
รถ PHEV มีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่ารถ Hybrid เนื่องจากมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ ทำให้มีน้ำหนักรถโดยรวมมากกว่า ขณะที่รถ Hybrid มีแบตเตอรี่ขนาดเล็กที่ใช้เสริมการทำงานของเครื่องยนต์ จึงมีน้ำหนักรถที่เบากว่า และหากแบตเตอรี่เสื่อม รถไฮบริดจะยังสามารถทำงานได้ด้วยพลังงานจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน
รถ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) และรถ Hybrid (Hybrid Electric Vehicle) นั้นจะมีแบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์อยู่ ทำหน้าที่จ่ายไฟให้กับระบบไฟฟ้าในรถยนต์ เช่น ไฟหน้า ไฟท้าย วิทยุ เครื่องปรับอากาศ ระบบสัญญาณ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อย่างเช่น รถ Porsche Cayenne หนึ่งในรถยนต์ SUV สุดหรู ที่มีรุ่นที่เป็น PHEV ที่มีทั้งเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งถ้าหากแบตเตอรี่ 12 โวลต์นี้มีปัญหา อาจส่งผลให้รถไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ
ดูแลแบตเตอรี่รถด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK ที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้รับความไว้วางใจผลิตให้กับรถยนต์ชั้นนำมากที่สุดในโลก เช่น Mercedes-Benz, Porsche, Rolls-Royce, Lamborghini, Ferrari, McLaren, Bentley, Maserati, BMW, Mini, Audi, Jaguar, Lexus, Koenigsegg, Chrysler, Jeep และอื่น ๆ อีกมากมาย
โดยรุ่นที่แนะนำคือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จที่เหมาะกับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คุณสมบัติเด่น:
- กระแสชาร์จสูงสุด 5A
- เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah
- ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านช่างก็สามารถใช้งานได้
- รุ่นขายดีที่สุดในปัจจุบัน
ไม่ว่าจะรถยนต์แบบไหน อย่าลืมดูแลแบตเตอรี่รถให้ดีอยู่เสมอ สั่งซื้อ CTEK เลยวันนี้
18 พ.ย. 2567
21 มิ.ย. 2567
18 พ.ย. 2567
18 พ.ย. 2567