รู้หรือไม่ Hypercar vs Supercar ต่างกันอย่างไร

Last updated: 21 มิ.ย. 2567  |  1275 จำนวนผู้เข้าชม  | 

อย่างที่ทราบกันดีว่า Supercar นั้น เป็นรถที่มีสมรรถนะและสเปคโดยรวมสูงกว่ารถยนต์ทั่วไปหลายเท่า แต่หากเราพูดถึงรถยนต์ที่มีสมรรถนะเหนือกว่า Supercar แล้ว เราก็คงนึกถึง Hypercar สุดยอดยานยนต์ประสิทธิภาพเหนือชั้นที่ดีกว่า Supercar ในทุกด้าน ๆ แต่ Hypercar vs Supercar จะเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร APRTECH มีคำตอบ

รถ Supercar คืออะไร?


Supercar คือ รถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่โดดเด่นทั้งในด้านของพละกำลัง ความเร็ว และการควบคุม ตัวรถมักมีดีไซน์ภายนอกที่ดูหรูหรา โฉบเฉี่ยว และทันสมัย อีกทั้งยังมีรูปทรงที่เตี้ยกว่า กว้างกว่า และยาวกว่ารถปกติ ส่งผลให้ Supercar มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ถือเป็นรถอีกหนึ่งประเภทที่ผู้คนทั่วโลกสนใจและต่างอยากได้มาครอบครอง

จุดเด่นของ Supercar

  • สมรรถนะเครื่องยนต์สูง โดยทั่วไปจะมีมากกว่า 500 แรงม้า บางรุ่นอาจสูงถึง 1,000 แรงม้า
  • อัตราเร่งสูง สามารถเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 4 วินาที หรือเร็วกว่านั้น
  • ทำความเร็วสูงสุด มากกว่า 300 กม./ชม.
  • การออกแบบล้ำสมัย เน้นความโฉบเฉี่ยว ดุดัน ดึงดูดสายตา ใช้วัสดุคุณภาพสูงในการผลิต ทำให้น้ำหนักเบาคล่องตัวมากที่สุด
  • เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก ตัวรถจะมีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกและเสริมสร้างความปลอดภัยของผู้ขับขี่
  • ผลิตจำนวนจำกัด Supercar บางรุ่นผลิตเพียงไม่กี่คันเท่านั้น
  • ราคาสูงมาก Supercar เป็นรถยนต์ที่มีราคาสูงมาก เนื่องจากเป็นรถยนต์ที่ใช้งบประมาณการสร้างมหาศาล

 

 

ตัวอย่าง Supercar รุ่นยอดนิยม

  • Ferrari 296 GTB เป็นรถ Supercar เครื่องยนต์วางกลางขับเคลื่อนล้อหลังที่ผลิตโดย Ferrari เปิดตัวครั้งแรกในปี 2022
  • Porsche 911 GT3 RS เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 เป็นรุ่นที่ทรงพลังที่สุดของตระกูล 911 GT3 และเป็นหนึ่งใน Supercar ที่ทรงพลังที่สุดในโลก
  • McLaren Artura เป็น Supercar ไฮบริดรุ่นแรกจาก McLaren ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2021 รถคันนี้สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ที่เรียกว่า MCLA (McLaren Carbon Lightweight Architecture)
  • Chevrolet Corvette C8 เป็นรุ่นที่แปดของรถยนต์สปอร์ตคูเป้จาก Chevrolet เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2019 ตัวรถใช้เครื่องยนต์ LT2 V8 ขนาด 6.2 ลิตรที่ให้กำลังถึง 495 แรงม้า

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ 7 อันดับซูเปอร์คาร์มาแรง ต่อได้ที่นี่

รถ Hypercar คืออะไร?

Hypercar คือ รถสปอร์ตสมรรถนะสูงสุดที่เหนือกว่า Supercar ไปอีกระดับ ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ดีที่สุดในยุค เปรียบเสมือนตัวแทนของจุดสูงสุดในด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมการออกแบบรถยนต์ ส่งผลให้ตัวรถมีศักยภาพที่สูงและเหนือชั้นกว่า Supercar รุ่นอื่นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นด้านสมรรถนะภายใน การออกแบบ หรือประสบการณ์การขับขี่ที่หาที่ไหนไม่ได้อีก

 

จุดเด่นของ Hypercar

  • ความเร็ว Hypercar ถูกออกแบบมาให้มีความเร็วสูงสุดมากกว่า 386-400 กม./ชม.
  • สมรรถนะ เครื่องยนต์แรงม้าสูง มักใช้ระบบไฮบริดผสานมอเตอร์ไฟฟ้า
  • เทคโนโลยี เทคโนโลยีล้ำสมัย เต็มไปด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ
  • การผลิต จำนวนจำกัด ผลิตเฉพาะรุ่นพิเศษ
  • ราคาแพงมาก เริ่มต้นที่ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18 ล้านบาท)

 

Photo credit: sscnorthamerica.com

 

ตัวอย่าง Hypercar รุ่นยอดนิยม

  • Bugatti Bolide รถ Hypercar จากบริษัทผลิตรถยนต์ชื่อดัง Bugatti (ฝรั่งเศส) ที่ถูกสร้างและออกแบบมาเพื่อใช้ในสนามแข่งโดยเฉพาะ
  • Koenigsegg Jesko Absolut รถ Hypercar จากบริษัทผลิตรถยนต์ Koenigsegg (สวีเดน) ที่ถูกยกให้เป็นรถที่เร็วและแรงที่สุดที่บริษัทผลิตขึ้นมาในปี 2022 
  • SSC Tuatara เป็นรถที่ออกแบบ พัฒนา และผลิตโดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ SSC North America เป็นรถรุ่นสืบทอดต่อจาก Ultimate Aero และเป็นผลงานการออกแบบร่วมกันระหว่าง Jason Castriota และ SSC

 

ความแตกต่างระหว่างรถ Hypercar vs Supercar

Hypercar vs Supercar ต่างก็เป็นรถยนต์สมรรถนะสูงที่เหนือชั้นกว่ารถทั่วไป แต่มีความแตกต่างกันในหลายแง่มุม ดังนี้

 

ประสิทธิภาพ

  • Hypercar นั้นเร็ว แรง และทรงพลังกว่า Supercar อย่างเห็นได้ชัด Hypercar มักมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. น้อยกว่า 3 วินาที และความเร็วสูงสุดเกิน 386-400 กม./ชม. 
  • ในขณะที่ Supercar ทั่วไปมักมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 4-5 วินาที และความเร็วสูงสุดประมาณ 320-350 กม./ชม. (โดยประมาณ)
  • Hypercar มักใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย วัสดุที่เบาและแข็งแรงกว่า 
  • Supercar ส่งผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่และน้ำหนักโดยรวมของตัวรถ

 

เทคโนโลยี

  • Hypercar เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ไม่ค่อยพบใน Supercar ทั่วไป เช่น ระบบ Aerodynamics ปรับอัตโนมัติ ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ และระบบควบคุมการทรงตัว

 

การผลิต

  • Hypercar มักผลิตในจำนวนจำกัด บางรุ่นผลิตเพียงไม่กี่คันเท่านั้น ส่งผลต่อราคาและความหายาก
  • Supercar มักมีการผลิตมากกว่า Hypercar และเปิดวางขายทั่วไป

 

ราคา

  • Hypercar มีราคาแพงกว่า Supercar มาก Hypercar เริ่มต้นที่ประมาณ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป 
  • ในขณะที่ Supercar ทั่วไปเริ่มต้นที่ประมาณ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ

 

หากเราพิจารณา Hypercar vs Supercar จากคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา Hypercar นั้นเหนือกว่า Supercar ในทุกด้าน ทั้งความเร็ว ความแรง พละกำลัง เทคโนโลยี และดีไซน์ภายนอก แต่ก็แลกมากับราคาที่สูงมาก บางคันก็ไม่ได้ถูกผลิตมาเพื่อขาย ทำให้รถ Supercar มีราคาที่จับต้องได้และเข้าถึงได้ง่ายกว่าหลายเท่า 

และถึงแม้ว่ารถของคุณจะแพงแค่ไหน จะเป็นรถไฟฟ้า รถไฮบริด หรือเครื่องยนต์สันดาป แต่ถ้าจอดทิ้งไว้นานเมื่อไหร่ แบตเตอรี่ก็สามารถเสื่อมสภาพได้เหมือนกันหมด เพราะปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสามารถเกิดขึ้นได้กับรถทุกคันทุกประเภท โดยเฉพาะรถสายจอดอย่าง รถสปอร์ต บิ๊กไบค์ ไม่เว้นแม้แต่ Supercar หรือ Hypercar ที่ไม่ได้ถูกนำออกไปขับทุกวัน 

ดังนั้นเพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานเต็มประสิทธิภาพ ควรนำรถออกไปขับบ้าง อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือถ้าไม่อยากเสียเวลาเอารถไปวนขับ ก็ควรใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK จากสวีเดน คอยชาร์จไฟให้เต็มอยู่ตลอดในเวลาที่ไม่ได้ขับ เพราะแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุด คือแบตเตอรี่ที่มีไฟเต็มอยู่ตลอดเวลา

ปกป้องแบตเตอรี่รถ Hypercar หรือ Supercar ด้วย CTEK

 

CTEK บริษัทชั้นนำจากสวีเดนที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ พัฒนา และผลิตเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมการชาร์จแบตเตอรี่ และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำมากที่สุดในโลก เช่น Porsche, Mercedes-Benz, Rolls-Royce, Lamborghini, Ferrari, McLaren, Bentley, Maserati, BMW, Mini, Audi, Jaguar, Lexus, Koenigsegg, Chrysler, Jeep, and etc.

โดยรุ่นที่เหมาะสมกับ Supercar และ Hypercar มากที่สุดคือ CTEK CS ONE เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่จะทำให้การชาร์จแบตเตอรี่กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นไปอีกขั้น เครื่องชาร์จรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้ “ไร้ปุ่มกด” ทำงานอัตโนมัติ 100% ไม่ต้องตั้งค่า มีเทคโนโลยี APTO หรือ Adaptive Charging ปรับแต่งค่าแรงดันและกระแสไฟโดยอัตโนมัติ ทำการวิเคราะห์และตรวจสอบประเภทของแบตเตอรี่ เพื่อตั้งค่าการจ่ายกระแสไฟให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่แต่ละลูก ทำให้การชาร์จไฟมีความปลอดภัย และรวดเร็วกว่าเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ทั่วไปหลายเท่า 

แถมดีไซน์เครื่องชาร์จยังใช้งานง่าย แสดงไฟสถานะบอกเวลาว่าเหลืออีกกี่ชั่วโมงจะชาร์จเต็ม คีมคีบแบบ “ไร้ขั้ว” จะคีบขั้วไหนก็ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะคีบผิดขั้วแล้วจะเกิดอันตราย หรือชาร์จผ่าน Power Socket 12V ตรงตำแหน่งที่วางเท้าฝั่งคนนั่งได้เลย (เป็นจุดที่ Porsche ทำมาให้ชาร์จแบตอยู่แล้ว)

ทำให้ CTEK CS ONE เป็นเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่ CTEK เคยออกแบบมา ใช้งานง่าย ปลอดภัย ไม่ส่งผลต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถไม่ว่าจะเป็นรถ Hypercar หรือ Supercar ก็ใช้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย สั่งซื้อ CTEK CS ONE เลยวันนี้!

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้