การฟื้นฟูแบตรถยนต์คืออะไร มีวิธีอะไรบ้าง

แบตเตอรี่ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ มีหน้าที่กักเก็บพลังงานไฟฟ้าและส่งกระแสไฟไปเลี้ยงอุปกรณ์ต่าง ๆ ในตัวรถ หากคุณปล่อยให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ก็อาจเกิดปัญหารถยนต์สตาร์ทไม่ติดหรือสตาร์ทติดยาก ส่งผลให้เราไม่สามารถใช้งานรถได้อย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นเราจึงควรดูแลแบตเตอรี่รถยนต์อยู่เสมอ ต้องหมั่นตรวจเช็กสภาพและนำรถออกไปขับเป็นประจำ เพื่อให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานมากที่สุด


ซึ่งวิธีการดูแลแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพนั้น นอกจากการใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์คอยชาร์จไฟในช่วงที่ไม่ได้ขับแล้ว “การฟื้นฟูแบตเตอรี่” ก็ถือเป็นอีกวิธียืดอายุแบตเตอรี่ที่ไม่ควรมองข้าม โดยการฟื้นฟูแบตรถยนต์นั้นคืออะไร ทำได้อย่างไร มีข้อดีตรงไหน บทความนี้มีคำตอบ


การฟื้นฟูแบตคืออะไร ทำไมต้องมีการฟื้นฟูแบตเตอรี่รถ 
รถที่จอดนานแบตเตอรี่จะมีการแยกชั้นของของเหลว (น้ำกรด - น้ำกลั่น) ทำให้มีซัลเฟตลักษณะเป็นตะกอนสีขาวเกาะสะสมอยู่บนแผ่นตะกั่ว ซึ่งซัลเฟตเหล่านี้จะไปขัดขวางการไหลของกระแสไฟฟ้า ทำให้แบตเตอรี่สูญเสียพื้นที่ในการเก็บประจุ ส่งผลให้แบตเตอรี่เก็บประจุไฟได้น้อยลง รถที่จอดนาน ๆ เลยมีปัญหารถสตาร์ทไม่ติด

 

วิธีฟื้นฟูแบตเตอรี่

วิธีฟื้นฟูแบตเตอรี่มีอยู่ 2 วิธีหลัก ๆ คือ

1. การฟื้นฟูแบตด้วยวิธีทางเคมี

• เติมสาร Additive ลงในแบตเตอรี่ น้ำยาฟื้นฟูแบตเตอรี่ที่มีสารเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการแตกตัวของผลึกซัลเฟตที่เกาะอยู่บนแผ่นธาตุ ทำให้แบตเตอรี่สามารถเก็บประจุไฟได้ดีขึ้น
• เปลี่ยนน้ำกรด วิธีนี้เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่วกรดแบบเติมน้ำกลั่น โดยจะทำการถ่ายน้ำกรดเก่าออกแล้วเติมน้ำกรดใหม่ลงไป ซึ่งจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและตะกอนที่สะสมอยู่ในแบตเตอรี่

2. การฟื้นฟูแบตด้วยการใช้ไฟฟ้า

• ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่บางรุ่นจะมีโหมดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูแบตเตอรี่โดยเฉพาะ อย่างเช่น เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK จากสวีเดน ที่มีโหมด Recond หรือ Recondition ซึ่งเป็นโหมดที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อใช้ในการฟื้นฟูแบตเตอรี่ ด้วยการปล่อยกระแสไฟเป็นจังหวะ ด้วยโวลต์ที่สูง ๆ ต่ำ ๆ กระตุ้นให้เกิดการคนของเหลวในแบตเตอรี่เข้าด้วยกัน ทำให้สารละลายในแบตเตอรี่ก็กลับมาเป็นเนื้อเดียวกัน และสลายซัลเฟตที่มาเกาะกับแผ่นตะกั่ว คืนพื้นที่ในการเก็บประจุไฟให้กับแบตเตอรี่

น้ำยา หรือเครื่องฟื้นฟูแบตเตอรี่ใช้ได้จริงไหม?

ในความเป็นจริงแล้วผลของการฟื้นฟูแบตไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพของแบตเตอรี่แต่ละลูก ไม่สามารถบอกได้ว่าแบตเตอรี่ที่สตาร์ทไม่ติดแล้ว จะฟื้นฟูแบตกลับมาได้หรือเปล่า เนื่องจากแบตเตอรี่เป็นเคมีซึ่งมีตัวแปรเยอะมาก ต้องทดลองทำการฟื้นฟูแบตด้วยตัวเอง “ไม่สามารถรับประกันได้ว่าหลังจากทำการฟื้นฟูแบต (Recond) แล้ว แบตจะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม”

หลังฟื้นฟูแบตแล้วจะมีผลอย่างไร?

ถ้าแบตเตอรี่สภาพยังดีอยู่ ค่า CCA แบตเตอรี่อาจจะกลับขึ้นมา ยิ่งค่า CCA สูงมากเท่าไหร่ กำลังในการสตาร์ทเครื่องยนต์ก็จะแรงมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าหากค่า CCA แบตเตอรี่ต่ำ แบตเตอรี่ลูกนั้นจะมีกำลังในการสตาร์ทน้อย ซึ่งแบตเตอรี่ที่เริ่มเสื่อมแล้วหลังฟื้นฟูแบต CAA อาจจะไม่กลับขึ้นมาก็ได้ และอาจจะยืดอายุของแบตเตอรี่ได้แค่อีกระยะหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ไม่มีทางที่จะทำให้แบตเตอรี่กลับมามีสภาพเหมือนใหม่ได้

จำเป็นต้องทำการฟื้นฟูแบตเป็นประจำไหม?

คำตอบคือ ไม่จำเป็น การชาร์จแบตเตอรี่ด้วย CTEK อย่างเดียวก็เพียงพอ การฟื้นฟูแบตแนะนำให้ใช้ประมาณปีละครั้งก็พอแล้ว หรือในช่วงที่จอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน 

ทำไมรถจอดนาน จำเป็นต้องมีการฟื้นฟูแบตบ้าง?

หากจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน แบตเตอรี่จะคายประจุไฟฟ้าจนหมด หรือเกิดการแยกชั้นของของเหลว มีซัลเฟตเกาะสะสมบนแผ่นตะกั่ว ทำให้ไม่มีไฟพอที่จะสตาร์ทรถ ซึ่งถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบแก้ไข แบตเตอรี่ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพในเวลาไม่นาน ต่อให้แก้ไขด้วยการฟื้นฟูแบต หรือชาร์จไฟเข้าไปแค่ไหน แบตเตอรี่ก็จะเก็บไฟไว้ไม่อยู่ และไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด ซึ่งหากช่วงไหนที่มีการจอดรถทิ้งไว้เวลานาน ๆ ก็สามารถใช้วิธีการฟื้นฟูแบตที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นได้

แต่การฟื้นฟูแบต ก็ไม่ได้การันตีว่าสภาพจะกลับมาเหมือนใหม่ได้ ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าเรานำรถออกไปขับบ้าง อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ด้วยความเร็วเป็นระยะทาง 100 กิโลเมตรขึ้นไป เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 

แต่ถ้าคุณไม่มีเวลา เราขอแนะนำให้ใช้ที่ชาร์จแบตรถยนต์ CTEK จากสวีเดน เสียบชาร์จไว้อย่างสม่ำเสมอในช่วงที่รถจอดทิ้งนาน เพื่อเติมไฟเข้าแบตเตอรี่เหมือนรถที่ขับเป็นประจำทุกวัน แค่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องฟื้นฟูแบตเตอรี่รถแล้ว หรือนาน ๆ ครั้งอยากฟื้นฟูแบตสักที เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK ก็มีฟังก์ชัน Recond สำหรับฟื้นฟูแบตมาให้

แค่ใช้ CTEK ชาร์จเป็นประจำ ก็ไม่จำเป็นต้องฟื้นฟูแบตแล้ว

CTEK จากสวีเดน เป็นเครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการชาร์จ 8 ขั้นตอน ชาร์จไฟด้วยกระแสสูงสุดให้เต็มถึง 80% หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ลดกระแสลงพร้อมตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม 100% เพื่อป้องกันแบตเตอรี่ Overcharge ทำให้เราสามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือน ๆ โดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย สะดวก ไม่ต้องเฝ้า ไม่ต้องคอยสตาร์ทหรือเอารถไปวนขับให้สิ้นเปลืองน้ำมันอีกต่อไป แต่ถ้าชาร์จแล้วไฟไม่เข้าแสดงว่าแบตเริ่มเสื่อม ต้องเปลี่ยนแบตแพงหลักแสน ฉะนั้นรีบใช้ CTEK ก่อนสาย! ยิ่งเป็นแบตใหม่ยิ่งต้องรีบใช้ก่อนที่จะแก้ไขไม่ได้อีก

 

 

โดยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK ที่อยากแนะนำให้คุณได้ลองใช้คือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รุ่นที่ขายดีที่สุด กระแสชาร์จสูงสุด 5A ในโหมดรถยนต์ หรือ 0.8A ในโหมดมอเตอร์ไซค์ สำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah พร้อมฟังก์ชัน Recond สำหรับฟื้นฟูแบตตอบโจทย์คนไม่มีเวลา แต่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับแบตเตอรี่และรถที่คุณรัก