4 อุบัติเหตุที่สายขับบิ๊กไบค์ควรระวัง ห้ามประมาท!

ความปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้ใช้รถใช้ถนนควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะกับไบค์เกอร์สายบิ๊กไบค์ CC สูง ที่มีความเร็วและความแรงแตกต่างจากรถมอเตอร์ไซค์ทั่ว ไป หากผู้ขับขี่ไม่มีประสบการณ์หรือทักษะในการควบคุมรถที่มากพอ ก็อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ วันนี้ APRTECH จึงได้รวบรวม 4 อุบัติเหตุอันตรายที่ชาวบิ๊กไบค์ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษและวิธีป้องกันมาฝากกครับ

1. อุบัติเหตุจากทางโค้ง

ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือออกต่างจังหวัด ทางโค้งถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ผู้ขับขี่รถบิ๊กไบค์มักประสบอุบัติเหตุกันบ่อยครั้ง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่นั้นก็มาจากการใช้ความเร็วที่มากจนเกินไป ไม่จัดท่าทางให้พร้อม และไม่เตรียมเบรกให้ดีก่อนเข้าโค้ง ไม่เข้าเกียร์ให้สัมพันธ์กับความเร็ว โดยการเข้าโค้งที่ถูกต้องและปลอดภัยนั้นมีเทคนิคง่าย ๆ ที่เราสามารถนำไปปรับใช้ได้ดังนี้ครับ 

• ตั้งสติ ใจเย็น ประเมินสภาพพื้นผิวถนนของทางโค้งว่ามีอุปสรรคอันตรายอะไรไหม
• จัดท่าทางการขับขี่ให้พร้อม คุมรถให้มั่น อยู่ในท่าทางที่ถนัดและคล่องตัวที่สุด
• เข้าไลน์ให้ถูก โดยเข้าโค้งจากด้านนอก
• ลดความเร็วก่อนเข้าโค้งด้วยเบรคหน้าตามด้วยเบรคหลังเบาๆ
• ลดเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็ว หากเกียร์สูงเกินไปอาจมีแรงส่งไม่พอทำให้ล้มพับในโค้งได้
• ไม่เบรกหรือเปลี่ยนเกียร์ขณะที่ล้อเอียงหรือตอนเลี้ยวโค้งโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถปัดเสียการทรงตัว
• กรอคันเร่งเบาๆเมื่ออยู่ในโค้งเพื่อสร้างแรงส่ง
• สายตามองปลายโค้งตลอด
• เปิดคันเร่งเมื่อเห็นทางออกโค้ง รถจะตั้งขึ้นและวิ่งเป็นเส้นตรงทับจุด Apex ออกไป ถ้าเข้าโค้งอย่างถูกต้อง ความเร็วตอนออกโค้งจะสูงกว่าตอนเข้าโค้ง

หากคุณไม่เชี่ยวชาญหรือยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ อาจทำให้เหวอ หรือ กลัวโค้ง ทำให้ขี่ไม่สนุก หรือ ขี่ช้าจนเพื่อนต้องรอ หรือแหกโค้ง หรือ ล้มพับในโค้ง

เราขอแนะนำให้คุณฝึกทักษะการเข้าโค้งให้ชำนาญ ถ้าไม่รู้จะพัฒนายังไง แนะนำให้ไปเรียนกับครูฝึก เพราะยิ่งคุณชำนาญการเลี้ยวโค้งมากเท่าไหร่ การเดินทางของคุณปลอดภัยและสนุกมากเท่านั้น

>> ศึกษาเทคนิคการเลี้ยวเข้าโค้งของรถยนต์เพิ่มเติมได้ที่นี่

2. อุบัติเหตุที่เกิดจากมุมอับทางสายตา

มุมอับสายตา คือบริเวณหรือทิศทางที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยตรงขณะขับรถ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนจึงมักเกิดขึ้นจากมุมอับสายตานี้เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ที่ต้องคอยระวังภัยจากมุมอับสายตานี้เป็นพิเศษ เพราะรถมอเตอร์ไซค์เป็นรถคันเล็กที่มีความคล่องตัวมากกว่ารถยนต์ สามารถแซงซ้ายแซงขวาหรือขับแทรกไปมาได้อย่างอิสระ หากเราบังเอิญขับเข้าไปอยู่ในมุมอับสายตาของรถคันอื่น ที่อาจเปลี่ยนเลนมาชนโดยไม่รู้ตัว อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เนื่องจากพวกเขามองไม่เห็นเรานั่นเอง 

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ผู้ขับขี่จึงควรประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าไว้เสมอว่ารถคันอื่นอาจมองไม่เห็นเราได้ในบางมุม อย่าขี่แช่อยู่บนมุมอับสายตาของรถคันอื่น และเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากมุมอับสายตาของตัวเอง ผู้ขับขี่ต้องหันมามองด้านหลังทุกครั้งก่อนออกตัวหรือแซง

3. อุบัติเหตุจากการเบรกกะทันหัน

อุบัติเหตุลักษณะนี้มักเกิดขึ้นกับไบค์เกอร์ที่ขับรถจี้ท้ายหรือขับชิดคันหน้ามากเกินไป เพราะเราจะไม่สามารถหยุดรถทันได้หากคันหน้าเกิดเบรกกะทันหันหรือมีอะไรเกิดขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งอุบัติเหตุอันตรายที่พบได้บ่อย เพราะสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้น เราจึงควรใช้ความเร็วที่เหมาะสมทุกครั้งในการขับขี่ ไม่ขับจี้ท้ายหรือขับชิดคันหน้ามากเกินไป ต้องคอยเว้นระยะห่างและประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าอยู่เสมอ โดยเฉพาะทางแยก หรือ จุดกลับรถ เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราจะได้หยุดรถเพื่อหลบเลี่ยงได้อย่างทันท่วงทีครับ

4. อุบัติเหตุจากสภาพพื้นถนนที่ชำรุดหรือไม่ปกติ

ปัจจัยภายนอกอย่างพื้นผิวถนนก็ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ไบค์เกอร์มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะรถบิ๊กไบค์นั้นเป็นรถที่ต้องพึ่งพาการควบคุมและการรักษาสมดุลมากกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไป หากเรานำรถไปขับบนเส้นทางที่ชำรุดหรือเต็มไปด้วยอุปสรรค มันก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากกว่าวิ่งบนถนนปกติ ดังนั้นหากคุณจำเป็นต้องขับรถบนถนนที่ชำรุดหรือไม่ปกติ เช่น ทราย หินลอย ผิวทางแตก ร่องน้ำ โคลน น้ำขัง คุณก็ควรชะลอความเร็วและหลีกเลี่ยงการเบรกรถกะทันหัน เพราะอาจทำให้รถเสียหลักจนเกิดการพลิกคว่ำได้

แต่ก็อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นว่าอุบัติเหตุและเรื่องไม่คาดฝันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในทุกที่ทุกเวลา การตรวจเช็กสภาพและหมั่นดูแลรถจึงเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม แม้ว่าคุณจะเป็นไบค์เกอร์สายจอดที่ไม่มีเวลานำรถออกไปขับก็ตาม คุณก็ควรดูแลรถอย่างสม่ำเสมอด้วยการใช้เครื่องชาร์จแบตรถยนต์เพื่อคอยไฟให้เต็มอยู่ตลอด เพื่อป้องกันปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมทำให้ รถมอเตอร์ไซค์สตาร์ทไม่ติดจากการจอดนาน ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลมากที่สุดครับ

พร้อมป้องกันปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมจากการจอดนาน ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ CTEK XS 0.8 เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่ขายดีที่สุดในท้องตลาด เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศสวีเดน ใช้งานง่าย ปลอดภัย ไม่ต้องมีความรู้เรื่องช่างก็สามารถใช้งานได้ในทันที มาพร้อมกับระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม สามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือน ๆ โดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย เป็นมิตรกับระบบไฟภายในตัวรถอย่างแน่นอน

ดูแลรถมอเตอร์ไซค์ของคุณก่อนสาย เริ่มต้นชาร์จแบตเตอรี่ตั้งแต่วันนี้ด้วย CTEK จากสวีเดน สั่งซื้อเลย!

พิเศษ! สั่งซื้อตอนนี้รับโปรโมชันราคาพิเศษทันที 

ขอบคุณข้อมูลจาก

thaihonda.co.th