6 เช็กลิสต์! หลังขับรถลุยน้ำท่วม ต้องเช็กอะไรบ้าง?

Last updated: 29 พ.ค. 2567  |  6337 จำนวนผู้เข้าชม  | 

หลังขับรถลุยน้ำท่วม

6 เรื่องที่ต้องเช็กหลังขับรถลุยน้ำท่วม หรือรถจอดแช่น้ำตอนรถติด

หน้าฝนแบบนี้ สำหรับคนที่ต้องใช้รถยนต์เป็นประจำ สิ่งที่กังวลคือการขับรถลุยน้ำท่วมขัง ซึ่งในหลาย ๆ สถานการณ์มันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เลยจำใจต้องขับรถลุยน้ำไป สำหรับคนที่ขับรถไปลุยน้ำท่วม หรือจอดแช่น้ำในขณะที่รถติดเป็นระยะเวลานาน ๆ ไม่ว่าจะรถใหม่ รถเก่า หรือรถมือสอง หลังกลับมาถึงที่หมายแล้วจะต้องเช็กตรงไหนบ้าง เรามีเกร็ดความรู้มาฝาก

หลังขับรถลุยน้ำท่วม ต้องเช็กอะไรบ้าง ?

เรื่องที่ต้องเช็กหลังขับรถลุยน้ำท่วม

 

1. ระบบเบรก

สิ่งที่ต้องระวังหลังจากขับรถลุยน้ำท่วมคือ "ดิสก์เบรก" และ "ดรัมเบรก" เพราะเมื่อโลหะสัมผัสกับน้ำท่วมที่ไหลเข้ามา อาจจะทำให้เกิดสนิมได้ ซึ่งนั่นอาจส่งผลให้เบรกติดขัด น้ำมันเบรกชื้น และลื่น มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน นอกจากนี้ สิ่งที่ปนเปื้อนมากับน้ำยังสามารถทำให้เบรกติดขัด และอาจเป็นปัญหาในภายหลังได้ 

2. ลูกปืนล้อ

ลูกปืนล้อเป็นชิ้นส่วนที่หากแช่อยู่ในน้ำนาน ๆ รถมีสิทธิพังเร็วกว่าที่คิด โดยผู้ขับขี่สามารถสังเกตอาการได้โดย เวลาขับรถด้วยความเร็วสูง จะเกิดเสียงดังขึ้น เป็นเพราะจาระบีที่มีหน้าที่ให้ความหล่อลื่น ได้ถูกน้ำชะล้างหายไป หรือเสื่อมสภาพเมื่อโดนน้ำท่วมสูง อย่างไรก็ตาม ถ้ารถแค่วิ่งผ่านน้ำ คุณผู้ขับก็ไม่ต้องเป็นกังวลมากนักนะครับ แต่ควรตรวจเช็กและสังเกตอาการอยู่เสมอ

3. เพลาขับ

เพลาขับเป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถยนต์ที่มีความเสี่ยงโดนน้ำเข้าเวลาขับรถลุยน้ำท่วมสูง และส่งผลทำให้ยางหุ้มเพลาเสื่อมลงและฉีกขาดได้ในที่สุด สาเหตุเพราะน้ำจะเข้าไปชะล้างจาระบีที่อยู่ภายใน ส่งผลให้เพลาขับอาจมีปัญหาติดขัดได้ในอนาคต

4. เฟืองท้าย

น้ำที่เข้าไปสู่ท่อของน้ำมันเฟืองท้ายมักเกิดขึ้นหลังจากที่ขับรถลุยน้ำท่วมมาเป็นระยะเวลานาน หรือจอดติดในน้ำท่วมสูงนาน ๆ โดยอาการจะเริ่มแสดงให้เห็นเมื่อมีเสียงรบกวนออกมาเวลาขับ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการทาจาระบีใหม่อีกครั้ง รวมถึงเปลี่ยนยางหุ้มเพลาใหม่ และเปลี่ยนถ่ายของเหลว ใครที่เคยขับรถลุยน้ำ หรือรถติดตอนน้ำท่วมก็ควรเช็กไว้นะครับ

ขับรถตอนฝนตกหนัก

 

5. ระบบปรับอากาศ

ระบบปรับอากาศคือสิ่งสำคัญที่คุณควรเช็ก เพราะเมื่อไหร่ที่น้ำเข้ามาภายในตัวถังและเกิดความชื้น นั่นก็จะทำให้ภายในรถเริ่มมีกลิ่นสาบ ที่สำคัญกลิ่นจะจางหายค่อนข้างยาก ใช้เวลานานกว่ากลิ่นจะจาง

6. น้ำมันเครื่อง

หากคุณขับรถลุยน้ำในระดับที่สูงมาก ก็มีโอกาสที่น้ำจะเข้าผ่านทางช่องกรองอากาศ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่หากเกิดปัญหาจะค่อนข้างจุกจิก ช่างหลายท่านอาจจะแนะนำว่าให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องดีกว่า

และทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม และควรตรวจเช็กหลังขับรถลุยน้ำมานะครับ ถ้ามัวแต่ปล่อยปละละเลย อาจทำให้รถที่คุณรักเกิดปัญหาในภายหลังได้ อีกทั้งหากขับรถลุยน้ำมาแล้วจอดทิ้งเอาไว้เป็นเวลานาน ๆ จนทำให้รถยนต์สตาร์ทไม่ติด แต่เราสามารถป้องกันปัญหาได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้เครื่องชาร์จแบตรถยนต์ ชาร์จอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และที่สำคัญถ้าเป็นไปได้ก็ควรศึกษาเส้นทางที่น้ำท่วมและหลีกเลี่ยงจะดีที่สุด

 

ดูแลรถยนต์ของคุณก่อนสาย เริ่มต้นชาร์จแบตเตอรี่ตั้งแต่วันนี้ด้วย CTEK จากสวีเดน สั่งซื้อเลย!

 

พิเศษ! สั่งซื้อตอนนี้รับโปรโมชันราคาพิเศษทันที 

CTEK MXS 5.0 

ขอบคุณข้อมูลจาก

one2car.com

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้