อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันคือ? และวิธีขับรถประหยัดน้ำมัน

Last updated: 28 มี.ค. 2568  |  776 จำนวนผู้เข้าชม  | 


สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนแล้ว พลังงานอย่างน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะในปัจจุบันน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และมีแนวโน้มขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถแต่ละคันจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมัน และช่วยให้สามารถประหยัดน้ำมันในการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น

ในบทความนี้ APRTECH จะพามาทำความรู้จักว่า อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร รวมถึงวิธีคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแบบง่ายสำหรับผู้ใช้รถ เพื่อเป็นแนวทางในการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว


อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน คืออะไร?

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน คือ ค่าที่บ่งบอกถึงปริมาณการใช้น้ำมันของรถแต่ละคันเมื่อเทียบกับระยะทางหรือช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ต่ำจะแสดงถึงประสิทธิภาพการใช้รถที่ดี และช่วยในการประหยัดค่าน้ำมันได้

 

วิธีคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน

โดยทั่วไป รถยนต์รุ่นใหม่จะมีการแสดงผลอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันบริเวณหน้าปัด ซึ่งอาจไม่แม่นยำ 100% เนื่องจากมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการประหยัดน้ำมัน เช่น สภาพการจราจร พฤติกรรมการขับขี่ เป็นต้น ดังนั้น การคำนวณอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันอย่างแม่นยำสามารถทำได้โดยใช้สูตรดังนี้:

 

ระยะทางที่ขับ (กิโลเมตร) / ปริมาณน้ำมันที่ใช้ไป (ลิตร)

 

ตัวอย่างเช่น หากขับระยะทาง 100 กิโลเมตร และใช้น้ำมันไป 4 ลิตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะเท่ากับ 25 กิโลเมตร/ลิตร

นอกจากนี้ เพื่อให้การคำนวณมีความแม่นยำมากที่สุด ควรปฏิบัติตามเทคนิคเหล่านี้
  1. เติมน้ำมันให้เต็มถังเท่าที่หัวจ่ายตัดพอดีเท่านั้น
  2. รีเซตมาตรวัดระยะทางให้เป็น 0
  3. เมื่อขับไปได้สักระยะหนึ่ง ให้เติมน้ำมันให้เต็มถังอีกครั้ง และหากเป็นไปได้ควรเลือกเติมหัวจ่ายเดียวกันกับที่เคยเติมก่อนหน้า
  4. เมื่อหัวจ่ายตัด ให้นำตัวเลขที่ได้มาคำนวณตามสูตรข้างต้น เช่น หากขับไป 250 กิโลเมตร และเติมน้ำมันไป 9.4 ลิตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะเท่ากับ 26.6 กิโลเมตร/ลิตร


ปัจจัยหลักที่มีผลต่อ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน

 

การคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถยนต์ที่ผู้ผลิตกำหนดขึ้น เป็นค่าที่ได้จากการทดสอบในสภาวะที่รถยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ในสภาพการใช้งานจริง อัตราการใช้น้ำมันรถยนต์อาจแตกต่างไปจากค่าที่กำหนดไว้ เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็น

  • ประเภทรถยนต์

รถยนต์ขนาดใหญ่ เช่น รถ SUV, รถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือรถบรรทุก จะมีเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันกว่ารถยนต์สี่ล้อทั่วไป นอกจากนี้ ชนิดของเกียร์ยังส่งผลต่อการใช้น้ำมัน รถที่ใช้เกียร์ธรรมดามักจะมีอัตราการกินน้ำมันรถยนต์ที่น้อยกว่ารถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม เกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่บางรุ่นถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงและสามารถประหยัดน้ำมันได้ใกล้เคียงกับเกียร์ธรรมดา
  • สภาพถนน

สภาพถนนที่ขรุขระและเสียหาย ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้รถต้องใช้แรงขับเคลื่อนและสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปกติ
  • สภาพการจราจร 

สภาพการจราจรที่ติดขัดยังทำให้รถไม่สามารถวิ่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ต้องเบรกและหยุดรถอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้อัตราการกินน้ำมันรถยนต์สูงขึ้น
  • น้ำหนักบรรทุก

การบรรทุกสิ่งของหรือโหลดน้ำหนักผู้โดยสารมากเกินความจำเป็น จะทำให้รถยนต์ทำงานหนัก เพราะต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการขับเคลื่อน ดังนั้น เพื่อลดอัตราการใช้น้ำมันรถยนต์ ควรบรรทุกน้ำหนักอย่างพอดีหรือให้เหมาะสมกับประเภทของรถ
  • สไตล์การขับขี่

สไตล์การขับขี่แบบหวาดเสียว อาทิ การเหยียบคันเร่งแบบกระชากและการเบรกแบบกะทันหันหรือการขับขี่ด้วยความเร็วสูง นอกจากจะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนแล้ว ยังส่งผลให้รถต้องใช้น้ำมันมากกว่าปกติ เพราะเครื่องยนต์ต้องทำงานหนักเพื่อให้ตอบสนองกับการเร่งหรือเบรกได้ทันที ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันและอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายในระยะยาวได้


วิธีขับรถอย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน

การขับรถอย่างถูกต้องและปลอดภัยจะช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็น โดยผู้ขับขี่ควรปฏิบัติตามหลักการดังนี้

  • รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า

การขับรถชิดกับรถคันหน้ามากเกินไป มีโอกาสสูงที่รถจะต้องชะลอความเร็วหรือเบรกบ่อยกว่าปกติ ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน อีกทั้งหากรถคันหน้าเบรกกะทันหัน ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย การรักษาระยะห่างกับรถคันหน้าจะช่วยให้รถขับด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ และช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า
  • ไม่ขับรถแรง หรือกระชาก

การเหยียบเบรกหรือคันเร่งทันทีเพื่อออกตัวหรือหยุดกะทันหันจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักและใช้พลังงานมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นอันตรายต่อชิ้นส่วนรถยนต์ทั้งเบรก ระบบช่วงล่าง ที่อาจเกิดการเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ การค่อย ๆ เหยียบคันเร่งจะช่วยในการประหยัดน้ำมันและถนอมชิ้นส่วนต่าง ๆ ในรถยนต์ได้ดีกว่า
  • ดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ

ชิ้นส่วนที่ผิดปกติหรือมีความเสียหาย เช่น ยางรถยนต์ที่แบนหรือผ้าเบรกที่สึกหรอ จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นและสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น การดูแลรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ และลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันลง

สำหรับใครที่มีรถจอดไว้นาน ๆ อาจเจอปัญหาแบตเตอรี่หมด ซึ่งนอกจากจะเสียเวลาแล้วยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพ่วงแบตเตอรี่หรือเปลี่ยนแบตใหม่หากจอดนานจนแบตเสื่อม ดังนั้น หากไม่อยากให้แบตเตอรี่เสื่อมจากการจอดทิ้งไว้นาน ควรนำรถออกมาขับเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม การขับวนเฉย ๆ ในที่เดิม ๆ อาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็น การเลือกใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ จึงเป็นทางออกที่ช่วยให้คุณไม่ต้องเปลืองน้ำมันกับการนำรถไปวนขับบ่อย ๆ


ทางออกสำหรับรถจอดนาน ไม่ต้องวนขับให้เปลืองน้ำมัน

 

แม้การสตาร์ทรถทิ้งไว้ หรือการนำรถไปวนขับเป็นครั้งคราว จะช่วยป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมได้ก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำเช่นนั้นอาจเป็นการสิ้นเปลืองน้ำมัน และเพิ่มค่าใช้จ่ายในระยะยาว สำหรับหลาย ๆ คนที่อาจไม่มีเวลาหรือกลัวว่ารถหรูคู่ใจของตัวเองอาจสึกหรอจากสภาพถนนที่ไม่เป็นใจ การใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดเวลาและน้ำมันในการนำรถออกไปวนขับแล้ว แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น เพราะเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK จะช่วยเติมไฟแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่เสมอ ทำให้แบตเตอรี่มีอายุใช้งานเต็มประสิทธิภาพเหมือนรถที่นำไปขับอยู่เป็นประจำ

ดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานยาวนานเต็มประสิทธิภาพ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถ CTEK ที่ได้รับความไว้วางใจผลิตเครื่องชาร์จแบตฯ ให้กับรถยนต์ชั้นนำมากที่สุดในโลก เช่น Mercedes-Benz, Porsche, Rolls-Royce, Lamborghini, Ferrari, McLaren, Bentley, Maserati, BMW, Mini, Audi, Jaguar, Lexus, Koenigsegg, Chrysler, Jeep และอื่น ๆ อีกมากมาย

โดยรุ่นที่แนะนำคือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จที่เหมาะกับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คุณสมบัติเด่น:

- กระแสชาร์จสูงสุด 5A
- เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah
- ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านช่างก็สามารถใช้งานได้
- รุ่นขายดีที่สุดในปัจจุบัน

ให้รถคันโปรดของคุณพร้อมใช้งานเสมอ แม้ไม่ได้ขับออกไปไหนบ่อย ๆ สั่งซื้อเลยวันนี้!

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้