แรงม้า คืออะไร? แล้วแรงม้ากับแรงบิดต่างกันอย่างไร?

Last updated: 20 ธ.ค. 2567  |  613 จำนวนผู้เข้าชม  | 

 

ในโลกของยานยนต์และเครื่องจักร มักได้ยินหน่วยวัด ที่ชื่อว่า “แรงม้า” ซึ่งเป็นหน่วยวัดที่คุ้นเคยของใครหลายคน แรงม้าเป็นหน่วยวัดที่มีความสำคัญในการประเมินสมรรถนะ และประเมินประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ทั้งรถยนต์ เครื่องบิน รวมถึงเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม ทราบหรือไม่ว่าที่มาของหน่วยวัดแรงม้า คืออะไร มีความหมายอย่างไร และแรงม้า กับ แรงบิดต่างกันอย่างไร วันนี้ APRTECH จะพาไปทำความรู้จักกับ “แรงม้า” ฉบับเข้าใจง่ายกัน!


แรงม้า คืออะไร?

แรงม้า คือ หน่วยที่ใช้วัดกำลังของเครื่องยนต์ เป็นหน่วยที่บอกกำลังสูงสุดที่รถสามารถทำได้ โดยเปรียบเทียบกับ “ม้า” ซึ่งเป็นเครื่องทุ่นแรงหลักของมนุษย์ในสมัยก่อน ถูกนิยามขึ้นโดยวิศวกรชาวสกอตแลนด์ชื่อ เจมส์ วัตต์ (James Watt) กำหนดหน่วยแรงม้าเพื่อใช้เปรียบเทียบกำลังที่ได้จากเครื่องยนต์ เริ่มต้นจากกำหนดให้แรงที่ม้าหนึ่งตัวใช้ในการยกน้ำหนัก 75 กิโลกรัม ให้เคลื่อนที่ในทิศแนวตั้งเป็นระยะทาง 1 เมตร ในเวลา 1 วินาที ซึ่งเท่ากับ 550 ฟุต - ปอนด์ ต่อวินาที (ft-lb/s) 

หน่วยวัดของแรงม้า

แรงม้า (HP) 

หน่วยของกำลัง (Power) หรืออัตราการทำงานที่นิยมใช้กันในทางวิศวกรรมมาเป็นเวลานาน เพื่อแสดงถึงกำลังของเครื่องจักร โดยในปัจจุบันมีการใช้คำนี้น้อยลง และใช้หน่วยวัดแรงม้า (PS) และกิโลวัตต์ (KW) แทน

แรงม้า (PS)

แรงม้า PS (PferdStarke) เป็นหน่วยวัดที่ได้รับความนิยมในแถบยุโรปและสหรัฐฯ โดยเทียบกับ HP แล้วจะอยู่ที่ 1 PS = 0.986 HP

กิโลวัตต์ (KW)

กิโลวัตต์ เป็นอีกหน่วยที่ใช้วัดกำลังที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการเปรียบเทียบกำลังของเครื่องยนต์เป็นกำลังไฟฟ้าที่สามารถทำได้ โดยเปรียบเทียบกับแรงม้า (HP) ได้ 1 KW = 1.341 HP และ แรงม้า (PS) ได้ 1 KW = 1.360 PS

แรงม้ามีความสำคัญอย่างไร?

อัตราเร่ง: แรงม้ามีผลโดยตรงต่ออัตราเร่งของรถ เช่น รถที่มี 200 แรงม้า จะสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 7 วินาที ในขณะที่รถที่มี 100 แรงม้า จะสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 12 วินาที

ความเร็วสูงสุด: แรงม้ามีผลต่อความเร็วสูงสุด โดยรถที่มีแรงม้าสูงนั้นจะสามารถวิ่งได้ความเร็วสูงสุดกว่ารถที่มีแรงม้าต่ำ

การบรรทุก: แรงม้านั้นมีผลต่อการบรรทุกสัมภาระบนรถ โดยรถที่มีแรงม้าสูงจะสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่าแรงม้าต่ำ

การลากจูง: ความสามารถในการลากจูงขึ้นอยู่กับแรงบิดที่เครื่องยนต์ภายในรถสร้างขึ้น โดยอาศัยแรงหมุนของเพลาขับ ส่งกำลังไปยังเพลาและล้อ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนต่อไป

 

 

แรงบิด คืออะไร?

แรงบิด คือ แรงหมุนของเพลาขับในรถยนต์ เป็นแรงที่ใช้เพื่อส่งกำลังของเครื่องยนต์ไปยังเพลาและล้อเพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปได้ โดยค่าของแรงบิดขึ้นอยู่กับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ (RPM) ซึ่งเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูง จะมีอัตราเร่งดีกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดต่ำ จึงถือได้ว่าแรงบิดเป็นตัวบอกว่ารถยนต์คันไหนจะออกตัวได้เร็วกว่ากัน

การทำงานของแรงบิดจะเกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ ส่งผ่านไปยังเพลาข้อเหวี่ยง จากนั้นจะส่งผ่านไปยังเกียร์ เพื่อเปลี่ยนอัตราทดกำลังให้เหมาะสมกับความเร็วของรถ และแรงบิดจะถูกส่งไปยังเพลาล้อ เพื่อให้เกิดการเคลื่อนที่ 

หน่วยวัดของแรงบิด

กิโลกรัม – เมตร (Kg-m)

แทนค่าของแรงผลักที่เกิดขึ้นจากการหมุนเป็นหน่วยกิโลกรัม นับจากการหมุนเป็นระยะ 1 เมตร

นิวตัน – เมตร/รอบต่อนาที (Nm)

เป็นหน่วยวัดที่นิยมใช้กันมากที่สุด ทั้งในประเทศแถบยุโรป เอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดยคำนวณจากแรงผลักที่เกิดจากการหมุนเป็นนิวตัน ซึ่งนับจากการหมุนเป็นระยะ 1 เมตร

ฟุต – ปอนด์ (Ft-lbs)

เป็นหน่วยวัดที่นิยมใช้กันในประเทศสหรัฐฯ โดยตัวเลขที่บอกจะเป็นความยาวของรัศมีการหมุนหน่วยเป็นฟุต ที่มีแรงผลักขนาด 1 ปอนด์ 

 

ความแตกต่างระหว่าง แรงม้า กับ แรงบิด

แรงม้า และแรงบิด ต่างมีความสำคัญกันทั้งคู่ แต่มีความแตกต่างกัน กล่าวคือ แรงบิดใช้บอกอัตราเร่ง ความสามารถในการบรรทุก และการลากจูง ส่วนแรงม้า หมายถึง การบอกสมรรถนะความเร็วที่รถสามารถทำได้เป็นหลัก มีผลต่อความเร็วสูงสุดของเครื่องยนต์ ดังนั้น เวลาเลือกซื้อรถควรเลือกความเร็วตามความเหมาะสมกับการใช้งาน

สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าสามารถเพิ่มแรงม้าและแรงบิดของรถได้โดยไม่เปลืองน้ำมันมากกว่าเดิม ไม่ต้องจูนรถ คือการเติมไฟให้แบตเตอรี่

 

ดูแลแบตเตอรี่ให้ไฟเต็ม ช่วยเพิ่มแรงม้า

  1. แบตเตอรี่ที่มีไฟเต็มทำให้ไดชาร์จไม่ต้องทำงานหนัก เครื่องยนต์จะไม่ถูกไดชาร์จหน่วงจากการปั่นกระแสไฟเข้าแบตเตอรี่เพราะแบตเตอรี่ไฟเต็มอยู่แล้ว กำลังของเครื่องยนต์ก็จะถูกส่งไประบบขับเคลื่อนได้เต็มประสิทธิภาพ แรงบิดและแรงม้าของรถก็จะมากขึ้น
  2. เมื่อแบตเตอรี่ไฟเต็ม หัวเทียนก็จะจุดระเบิดได้แรงขึ้น การระเบิดในลูกสูบก็จะแรงขึ้น ทำให้แรงบิดและแรงม้าของรถเพิ่มขึ้น
  3. นอกจากนี้การจุดระเบิดของหัวเทียนที่แรง ทำให้เผาไหม้เชื้อเพลิงไปได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น จึงเกิดเขม่าควันหลงเหลือน้อยลง


เพราะฉะนั้นการดูแลแบตเตอรี่ให้ไฟเต็มนอกจากเพิ่มแรงม้าแล้ว ยังช่วยลดมลพิษอีกด้วย

 

ดูแลรถให้ไฟเต็ม เพิ่มประสิทธิภาพให้รถ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK จากสวีเดน

ดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานยาวนานเต็มประสิทธิภาพ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถ CTEK ที่ได้รับความไว้วางใจผลิตเครื่องชาร์จแบตฯ ให้กับรถยนต์ชั้นนำมากที่สุดในโลก เช่น Mercedes-Benz, Porsche, Rolls-Royce, Lamborghini, Ferrari, McLaren, Bentley, Maserati, BMW, Mini, Audi, Jaguar, Lexus, Koenigsegg, Chrysler, Jeep และอื่น ๆ อีกมากมาย
โดยรุ่นที่แนะนำคือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จที่เหมาะกับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คุณสมบัติเด่น:
- กระแสชาร์จสูงสุด 5A
- เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah
- ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านช่างก็สามารถใช้งานได้
- รุ่นขายดีที่สุดในปัจจุบัน

ให้แบตเตอรี่รถยนต์ของคุณพร้อมใช้งานแบบเต็มที่ จะกี่แรงม้าก็มั่นใจทุกการเดินทาง สั่งซื้อ CTEK เลยวันนี้!

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้