ไฟเตือนหน้าปัดรถคืออะไร แต่ละสัญลักษณ์หมายถึงอะไร?

เราเชื่อว่าเจ้าของรถหลายท่านคงจะทราบกันดี ว่าไฟเตือนบนหน้าคอนโซลรถนั้นล้วนมีความสำคัญและไม่ควรมองข้าม หากมีไฟเตือนส่องสว่างหรือกะพริบส่องสัญญาณเมื่อไหร่ คุณต้องรีบหาสาเหตุของปัญหาพร้อมแก้ไขทันทีเพื่อความปลอดภัย วันนี้ APRTECH จึงได้รวบรวมความหมายของไฟเตือนบนหน้าคอนโซลรถที่สำคัญมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนครับ ใครที่สนใจอยากรู้ว่าสัญลักษณ์แบตรถหมดคืออะไร จะหมายถึงปัญหารถแบตหมดจริง ๆ ใช่ไหม บทความนี้มีคำตอบ

ไฟเตือนหน้าคอนโซลรถคืออะไร

ไฟเตือนหน้าคอนโซลรถ คือสัญลักษณ์หรือไฟแสดงสถานะต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นบนแผงหน้าปัดรถยนต์ ทำหน้าที่แจ้งเตือนผู้ขับขี่ให้ทราบว่าระบบหรืออุปกรณ์ใดในรถกำลังทำงานผิดปกติ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถนำรถเข้าตรวจเช็กได้อย่างทันท่วงที ซึ่งไฟเตือนหน้าคอนโซลรถสามารถแบ่งออกเป็น 3 สีหลักได้ดังนี้

1. ไฟสีแดง 

หมายถึง สัญญาณเตือนอันตรายที่บ่งชี้ว่าระบบหรืออุปกรณ์นั้น ๆ ทำงานผิดปกติอย่างรุนแรง อาจส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ คุณควรหยุดรถและรีบทำการตรวจสอบโดยทันที

2. ไฟสีเหลือง

หมายถึง สัญญาณเตือนให้ตรวจสอบ บ่งชี้ว่าระบบหรืออุปกรณ์นั้นๆ ทำงานผิดปกติเล็กน้อย อาจไม่ส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่โดยตรง แต่ก็ควรนำรถเข้ารับการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด

3. ไฟสีเขียวหรือสีน้ำเงิน

หมายถึง สัญญาณเตือนสถานะการใช้งาน บ่งชี้ว่าระบบหรืออุปกรณ์นั้น ๆ กำลังทำงานอยู่

รวมไฟเตือนหน้าคอนโซลรถที่ไม่ควรมองข้าม

1. ไฟเตือนระบบเบรก

ไฟเตือนระบบเบรก หมายถึงระบบเบรกของรถคุณกำลังมีปัญหา เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น น้ำมันเบรกอาจอยู่ในระดับต่ำใกล้หมด ผ้าเบรกเกิดเสื่อมสภาพ หรือลืมปลดเบรกมือ หากปลดเบรกมือแล้วไฟเตือนระบบเบรกยังอยู่ให้รีบนำรถเข้าอู่เพื่อตรวจสอบทันทีครับ

2. ไฟเตือนเครื่องยนต์มีปัญหา

ไฟเตือนเครื่องยนต์มีปัญหา หมายถึงเครื่องยนต์ของรถคุณกำลังขัดข้องหรือมีปัญหา เกิดขึ้นด้วยหลายสาเหตุ หากไฟเตือนนี้แสดง ให้รีบนำรถเข้าอู่เพื่อตรวจสอบทันทีโดยเร็วที่สุดครับ

3. ไฟเตือนน้ำมันเครื่องกำลังหมด

ไฟเตือนน้ำมันเครื่องกำลังหมด หมายถึงระดับน้ำมันเครื่องในรถมีปัญหา ต้องทำการแก้ไขโดยด่วน หากฝืนขับต่อไปเครื่องยนต์อาจเสียหายจนพังได้เลยทีเดียว

4. ไฟเตือนอุณหภูมิเครื่องยนต์

ไฟเตือนอุณหภูมิเครื่องยนต์ หมายถึงเครื่องยนต์กำลังร้อนเกินไป คุณควรนำรถเข้าข้างทางและดับเครื่องยนต์ทันทีเพื่อรอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อน อย่าฝืนขับต่อเพื่อความปลอดภัย

5. ไฟเตือนถุงลมนิรภัย

ไฟเตือนถุงลมนิรภัย หมายถึงระบบถุงลมนิรภัยมีปัญหาหรือไม่สามารถใช้งานได้ เพื่อความปลอดภัยคุณควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบทันที

6. ไฟเตือนเข็มขัดนิรภัย

ไฟเตือนเข็มขัดนิรภัย คือไฟที่คอยเตือนให้ผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง

7. ไฟเตือนระบบล็อกล้อ ABS

ไฟเตือนระบบล็อกล้อ ABS หมายถึงระบบเบรก ABS อาจเกิดความขัดข้องมีปัญหา หากรถมีการไถลจากอุบัติเหตุระบบล็อกล้อจะไม่ทำงาน คุณควรรีบนำรถไปตรวจเช็กสภาพโดยด่วนเพื่อความปลอดภัย

8. ไฟเตือนน้ำมันหมด

ไฟเตือนน้ำมันหมด หมายถึงเชื้อเพลิงของรถยนต์ใกล้หมดหรืออยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป หากเชื้อเพลิงหมดรถอาจดับทันทีในระหว่างที่เราขับขี่ได้

9. ไฟเตือนระบบเบรกจอดรถ

ไฟเตือนระบบเบรกจอดรถ หมายถึงระบบเบรกที่ใช้ในตอนจอดรถกำลังมีปัญหาหรือขัดข้อง รถอาจไหลได้เวลาจอด คุณจึงควรนำรถไปตรวจเช็กสภาพเพื่อแก้ไขโดยเร็วที่สุด

10. ไฟเตือนลมยาง

ไฟเตือนลมยาง หมายถึงยางใกล้แบนหรือลมยางต่ำ คุณควรตรวจเช็กสภาพของตัวยางให้เรียบร้อยและเติมลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

11. ไฟเตือนประตูเปิด

ไฟเตือนประตูเปิด หมายถึงประตูรถปิดไม่สนิทหรือยังเปิดอยู่ ให้ทำการปิดประตูรถให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง

12. ไฟเตือนระบบไฟหน้า

ไฟเตือนไฟหน้า หมายถึงไฟหน้ามีปัญหา อาจเกิดจากหลอดไฟเสื่อมสภาพหรือฟิวส์ขาด เพื่อความปลอดภัยคุณควรแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อยก่อนทำการขับขี่ครับ

13. ไฟเตือนระบบควบคุมการทรงตัว

ไฟเตือนระบบควบคุมการทรงตัว (Stability control) หมายถึงระบบควบคุมการทรงตัวของรถกำลังทำงานผิดปกติ อาจเกิดจากเซนเซอร์ ABS มีปัญหาหรือเกิดจากสาเหตุอื่น คุณควรรีบนำรถเข้าตรวจเช็กที่ศูนย์บริการโดยเร็วที่สุดครับ

สัญลักษณ์แบตรถหมดคืออะไร?

สัญลักษณ์แบตรถหมด ไม่ได้หมายถึงรถแบตหมดหรือแบตเตอรี่มีปัญหาเพียงอย่างเดียว ไฟเตือนแบตเตอรี่อาจหมายถึงไดชาร์จมีปัญหา ไดชาร์จเกิดความขัดข้องจนไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ หากคุณลองเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้วไฟเตือนยังแสดงอยู่ เราขอแนะนำให้คุณนำรถไปตรวจเช็กสภาพที่ศูนย์บริการทันที เพื่อทำการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องครับ

ดูแลแบตเตอรี่รถจอดนานด้วย CTEK จากสวีเดน

ปัญหารถแบตหมดเป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคนไม่ควรมองข้าม หากคุณไม่มีเวลานำรถออกไปขับ ต้องจอดทิ้งไว้เป็นเวลานาน คุณก็ควรใช้เครื่องชาร์จแบตรถยนต์ เพื่อคอยชาร์จไฟให้เต็มอยู่เสมอ เพราะแบตเตอรี่จะคลายประจุไฟตลอดเวลาในช่วงที่เราไม่ได้ขับ ทำให้ไฟในตัวแบตอ่อนลงเรื่อย ๆ จนหมด ซึ่งถ้าหากเราปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบแก้ไข แบตเตอรี่ก็จะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วและไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด การใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK เป็นประจำ จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าไฟในตัวแบตจะเต็มอยู่เสมอแม้ไม่ได้ขับ หากมีไฟเตือนแบตเตอรี่แสดงที่คอนโซลรถ คุณจะสามารถพิจารณาหาสาเหตุของปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ไม่เกิดความเข้าใจผิดหรือซื้อแบตเตอรี่มาเปลี่ยนใหม่โดยไม่จำเป็นครับ


CTEK เป็นเครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี 8 ขั้นตอนการชาร์จลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศสวีเดน โดย CTEK จะชาร์จไฟด้วยกระแสสูงสุดให้เต็มถึง 80% หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ลดกระแสลงพร้อมตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม 100% เพื่อป้องกันแบตเตอรี่ Overcharge ทำให้เราสามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือนโดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย ไม่ต้องคอยสตาร์ทหรือเอารถไปวนขับให้สิ้นเปลืองน้ำมันอีกต่อไป

CTEK MXS 5.0 เป็นเครื่องชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ มีกระแสชาร์จสูงสุด 5A สำหรับแบตเตอรี่ขนาด 1.2 - 110Ah รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก ไม่มีความรู้เรื่องช่างก็สามารถใช้งานได้ ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติแทบทั้งหมด ตัวเครื่องนั้นมีขนาดเล็ก กะทัดรัด น้ำหนักเบา แต่ทนทานกันน้ำกันฝุ่น หากคุณกำลังมองหาเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงมอเตอร์ไซค์หรือบิ๊กไบค์ CTEK MXS 5.0 ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก

www.rabbitcare.com

www.bolttech.co

thvatire.com