Last updated: 29 มี.ค. 2567 | 40719 จำนวนผู้เข้าชม |
คงเป็นเรื่องยากของวัน ถ้าหากรถยนต์คันโปรดของคุณเกิดอาการรถแบตหมดสตาร์ทไม่ติด ในตอนที่กำลังเร่งรีบออกไปทำงาน ออกไปเที่ยว หรือออกไปทำธุระต่าง ๆ โดยที่คุณก็ไม่ทราบสาเหตุของรถสตาร์ตไม่ติดนั้นมาจากอะไรกันแน่?
"เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขอให้สันนิษฐานไว้ได้เลยครับว่ามาจาก รถแบตฯหมด แน่นอน"
ซึ่งวันนี้เราจะพาไปดูสาเหตุที่ทำให้รถแบตฯหมดนั้นมาจากอะไร? และคุณทำพฤติกรรมเหล่านี้ที่เป็นสาเหตุของรถแบตฯหมดหรือไม่? เช็คให้แน่ใจเพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์รถสตาร์ตไม่ติดก่อนออกเดินทางหรือระหว่างทางขึ้นอีกครับ
แต่ก่อนที่เราจะไปดูสาเหตุของปัญหารถแบตหมด เราต้องมาเช็กกันก่อนครับว่าอาการหรือสัญญาณเตือนล่วงหน้าของรถที่แบตใกล้หมดเป็นอย่างไร ตรงกับสิ่งที่คุณกำลังเจออยู่หรือไม่
หากรถของคุณมีอาการเหล่านี้ให้เห็น ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าแบตเตอรี่ของรถคุณใกล้หมดหรือเริ่มเสื่อมสภาพ ซึ่งจะเกิดขึ้นด้วยสาเหตุใดบ้าง ไปดูกันเลยครับ
ทราบหรือไม่? ว่าการเปิดไฟหน้าหรือไฟในห้องโดยสารทิ้งไว้นั้นสามารถทำให้แบตเตอรี่รถยนต์หมดได้ภายในข้ามคืน ซึ่งวิธีทางแก้ไขที่ดีที่สุด คือ ก่อนลงจากรถควรเช็คให้มั่นใจว่าดับไฟในห้องโดยสารและไฟหน้ารถเรียบร้อยดีแล้ว ซึ่งไฟหน้าบางตัวก็ถูกออกแบบมาให้เปิดปิดแบบอัตโนมัติ แต่ทว่าการทำงานที่ผิดพลาดจนทำให้ไม่สามารถดับเองได้ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้รถแบตฯหมดได้เช่นเดียวกัน
ในกรณีที่แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพ แบ่งอาการได้ดังนี้
กำลังของแบตเตอรี่ก็ คือ CCA (Cold Cranking Ampere) เป็นค่าที่เราวัดได้ ก็คือปริมาณแอมป์ที่แบตเตอรี่ส่งให้รถเพื่อที่จะหนุนไดสตาร์ตของเครื่องยนต์จนกระทั่งเกิดการจุดระเบิดขึ้น หลังจากนั้นเครื่องยนต์ก็จะทำงานไปได้ แต่ตอนแรกต้องใช้ไฟจากแบตเตอรี่ในการหมุนเครื่องยนต์ก่อน แบตเตอรี่ลูก 80-100 แอมป์ สามารถให้ Cold Cranking Ampere ถึง 300-400 แอมป์ ในการสตาร์ตรถยนต์ได้ ในระยะเวลาสั้น ๆ 3-4 วินาที
ซึ่งแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้ว ค่า CCA หรือ กำลังของแบตเตอรี่ จะลดลงจนไม่สามารถที่จะหมุนเครื่องยนต์ได้ บางครั้งที่เราได้ยินเสียงอ็อด ๆ หรือไม่ได้ยินเสียงเลย อันนี้คืออาการของแบตเสื่อม ถ้าแบบนี้ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เท่านั้น ซึ่งอาการเหล่านี้จะพบกับ
หมายความว่า แบตเตอรี่ลูกนั้นอาจจะได้รับการชาร์จจนไฟเต็ม โวลต์เลยสูงขึ้น แต่พอเราทิ้งไว้สักพักโวลต์จะตกลงมาแล้วก็จะสตาร์ตไม่ติด อาการนี้จะสร้างความน่ารำคาญให้เป็นอย่างมาก เพราะว่ารถสามารถสตาร์ตจนติดได้ แต่พอขับไปสักพัก ไฟในแบตฯจะไปหมดกลางทางเพราะเก็บไฟไม่อยู่ ต้องเสียเวลาแก้ปัญหาเป็นวันเลยทีเดียว วิธีแก้ของอาการแบตเตอรี่เก็บไฟไม่อยู่ คือ ต้องเปลี่ยนแบตฯเท่านั้น
แบตเตอรี่ไม่สามารถรับการชาร์จได้เลย เพราะว่าเหมือนกับว่าแบตเตอรี่ตายสนิทไปแล้ว สาเหตุมาจากการที่เราทิ้งแบตฯไว้นานเกินไป แบตเตอรี่ที่ไม่สามารถรับการชาร์จได้ ก็คือ แบตเตอรี่ที่ตายไปแล้ว เราต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เท่านั้น
"โดยอาการแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ 3 อาการนี้สามารถป้องกันได้ ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่เพียงเดือนละ 1-2 ครั้ง"
ก็ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพจนรถยนต์สตาร์ตไม่ติด ซึ่งเครื่องชาร์จแบตฯรถ CTEK จะช่วยให้ชาร์จให้แบตเตอรี่มีไฟเต็มตลอด และจะช่วยยืดอายุของแบตเตอรี่ให้มีการใช้งานได้นานที่สุด ถ้ามีรถไม่ค่อยได้ขับต้องชาร์จแบตเตอรี่ด้วย CTEK อยู่เป็นประจำนะครับ เพราะสามารถชาร์จทิ้งไว้จนลืมไปได้เลย ถ้าหากจะใช้รถอีกทีค่อยมาถอดเครื่องชาร์จออก เพียงเท่านี้คุณก็ไม่ต้องเสี่ยงว่ารถจะสตาร์ตไม่ติดหรือดับระหว่างทางอีกต่อไป
สภาพอากาศที่หนาวเกินไปหรือร้อนเกินไปก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รถยนต์ของคุณสตาร์ตไม่ติดหรือดับระหว่างทางเช่นเดียวกัน เพราะถ้าหากแบตเตอรี่ที่เก่า เริ่มใช้งานมานานก็จะส่งผลเสียต่อรถยนต์จนดับระหว่างทางได้ ทางแก้ไขที่ดีที่สุดคือตรวจเช็คสภาพรถยนต์อยู่เป็นประจำเพื่อจะได้ไม่เกิดเรื่องไม่คาดคิดก่อนออกเดินทางนั่นเอง
หากพบว่ารถของคุณแบตหมดจนไม่สามารถสตาร์ทรถได้ คุณสามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นด้วยการพ่วงแบตเตอรี่ตามวิธีดังต่อไปนี้ครับ
อย่าลืมว่านี่เป็นแค่วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น หากรถของคุณสตาร์ทติดแล้วให้รีบนำรถเข้าอู่หรือทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ทันทีครับ เพราะแบตเตอรี่ที่เสื่อมไปแล้วจะไม่สามารถกลับมาใช้งานดังเดิมได้อีก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงควรดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ให้ดีที่สุดก่อนสายครับ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าปัญหารถแบตหมด ถือเป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับรถยนต์สายจอดที่ไม่ได้ถูกนำออกไปขับเป็นเวลานาน เนื่องจากตัวแบตเตอรี่จะคลายประจุไฟตลอดเวลาในช่วงที่เราไม่ได้ขับ ทำให้ไฟในตัวแบตเริ่มอ่อนลงเรื่อย ๆ จนส่งผลให้รถมีอาการสตาร์ทติดยาก ไม่มีกำลังไฟในการสตาร์ท ซึ่งถ้าหากเราปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบแก้ไข แบตเตอรี่ก็จะไฟหมดและเริ่มเสื่อมสภาพในเวลาไม่นาน ต่อให้แก้ไขด้วยการชาร์จไฟเข้าไปแค่ไหน ตัวแบตก็อาจเก็บไฟไม่อยู่และไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่หมดหรือเสื่อมจากการจอดนาน เราจึงควรใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK คอยชาร์จไฟให้เต็มอยู่เสมอ เพราะแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุดคือแบตเตอรี่ที่มีไฟเต็มอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะจากสวีเดน เหมาะสำหรับชาร์จรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
(หากรถของคุณเป็นแบตเตอรี่ลิเธียม สำหรับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์แนะนำให้ใช้เครื่องชาร์จแบตรถรุ่น CT5 POWERSPORT หรือ Lithium XS และรถยนต์ให้ใช้เครื่องชาร์จแบตรถรุ่น Lithium XS หรือ PRO25S)
หมายเหตุ: แบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้วจะไม่สามารถชาร์จได้ และเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์จะไม่ทำงาน หากไฟในแบตเตอรี่ของรถต่ำกว่า 2V จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
สาเหตุของรถแบตหมดจนสตาร์ตไม่ติด แก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการใช้เครื่องชาร์จแบตรถยนต์ CTEK ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะการชาร์จแบตเตอรี่จะทำให้ใช้งานได้นานไม่ต้องเปลี่ยนแบตใหม่บ่อย ๆ การดูแลแบตเตอรี่ที่ดี ก็คือการป้องกันไม่ให้ไฟในแบตหายไปเยอะ ๆ ซึ่ง CTEK จากสวีเดน สามารถป้องกันปัญหารถแบตเตอรี่หมดได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
มาป้องกันปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมจากการจอดนานที่ต้นเหตุ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK MXS 5.0 และ CTEK XS 0.8 เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะที่ขายดีที่สุดในท้องตลาด เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศสวีเดน ใช้งานง่าย ปลอดภัย รับประกัน 5 ปี ไม่ต้องมีความรู้เรื่องช่างก็สามารถใช้งานได้ในทันที มาพร้อมกับระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม สามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือน ๆ โดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย เป็นมิตรกับระบบไฟฟ้าภายในตัวรถอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก
18 พ.ย. 2567
18 พ.ย. 2567
18 พ.ย. 2567
21 มิ.ย. 2567