เครื่องจั๊มพ์สตาร์ทรถ 12V สำหรับรถ eco car และรถ EV Peak: 800A Capacity: 8000mAh/29.6WH รับประกัน 1 ปี*
หมวดหมู่ : ALL PRODUCT ,  เครื่องจั๊มพ์สตาร์ท SPARK , 
แบรนด์ : SPARK
Share
เครื่องจั๊มพ์สตาร์ทรถ 12V สำหรับรถ eco car และรถ EV Peak: 800A Capacity: 8000mAh/29.6WH
SPARK JS17 เครื่องจั๊มพ์สตาร์ทสำหรับรถ Eco car และ รถ EV
• ใช้ง่าย ปลอดภัย ควรติดไว้ในรถเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน
• มีระบบป้องกันไฟลัดวงจร ไม่เกิดประกายไฟ
• ป้องกันการคีบสลับขั้ว
• มีระบบ Over Discharge Protection ปกป้องแบตเตอรี่จากการถูกดูดไฟจนหมด
• ป้องกันกระแสไหลย้อนกลับไดชาร์จ
• มี Overheat Protection ป้องกันแบตเตอรี่ร้อนเกินไป
• ใช้เป็นไฟฉาย ไฟฉุกเฉิน SOS ได้
• มีช่องชาร์จ Input/Output USB Type-C และช่อง DC Output
• ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย น้ำหนักเพียง 589 กรัม
SPARK เครื่องจั๊มพ์สตาร์ทอัจฉริยะเจ้าแรกที่จั๊มพ์สตาร์ทรถได้ทุกรุ่น เพราะปัญหาแบตเตอรี่หมด ไม่มีใครทราบล่วงหน้า โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่ใช้งานเกินปี มีความเสี่ยงสูง พก SPARK หมดปัญหารถสตาร์ทไม่ติดทั้งที่บ้าน ที่จอดรถ และกลางทาง ไม่ต้องรอพ่วงแบตฯ ไม่เสียเวลา แก้ปัญหาฉุกเฉินไม่เสี่ยงอันตรายในที่เปลี่ยวโดยเฉพาะคุณผู้หญิง
เหมาะกับผู้ที่มีรถจอดนาน เดินทางบ่อย จอดสนามบิน จอดคอนโดใช้รถไฟฟ้า จอดบ้านแต่อยู่คอนโด เดินทางค้างแรมใช้ไฟในป่าหรือธุรกิจ ซื้อ-ขายรถ โชว์รูม ศูนย์บริการ เต๊นท์รถ
อุปกรณ์ในกระเป๋า
• เครื่องจั๊มพ์สตาร์ท
• Smart Clamp พร้อมจอ LED ที่จะบอกโวลต์ไฟเวลาคีบขั้วแบตเตอรี่
• สายชาร์จ USB Type-C
วิธีใช้งาน (จั๊มพ์สตาร์ทรถ)
*ไม่ควรใช้จั๊มพ์สตาร์ท หากไฟต่ำกว่า 3 ดวง เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน*
1. เสียบสมาร์ทแคล้มป์เข้ากับเครื่องจั๊มพ์สตาร์ท
2. คีบหัวแคล้มป์ให้แน่นที่สุดและหน้าสัมผัสมากที่สุด สีแดงเข้ากับขั้วบวก (+) สีดำเข้ากับขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่
*หากคีบสลับขั้วจะมีเสียงเตือนและไฟกระพริบบนหน้าจอสมาร์ทแคล้มป์
3. บิดกุญแจสตาร์ทรถ
4. ถอดสายแคล้มป์ออกจากเครื่องจั๊มพ์สตาร์ทก่อน แล้วจึงถอดหัวแคล้มป์ออกจากขั้วแบตเตอรี่
5. นำเครื่องจั๊มพ์สตาร์ทไปชาร์จไฟให้เต็ม
วิธีวัดโวลต์แบตเตอรี่
คีบสมาร์ทแคล้มป์กับขั้วแบตเตอรี่ โดยไม่ต่อเข้ากับเครื่องจั๊มพ์สตาร์ท
ค่าโวลต์แบตเตอรี่จะแสดงบนหน้าจอ LED
วิธีเปิดไฟฉาย
กดปุ่ม Power ค้างไว้ 3 วินาที เพื่อเปิดไฟฉาย
กดปุ่ม Power 1 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนเป็นไฟกระพริบสัญญาณ SOS
กดปุ่ม Power อีก 1 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนเป็นไฟกระพริบฉุกเฉิน
กดปุ่ม Power ค้างไว้ 3 วินาที เพื่อ ปิดไฟฉาย
ข้อควรระวัง และคำแนะนำการใช้งาน
• ก่อนใช้ครั้งแรกควรชาร์จอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
• ห้ามคีบหัวแคล้มป์สีแดงกับสีดำเข้าด้วยกันเพราะทำให้เกิดการลัดวงจร
• ห้ามแกะเครื่องจั๊มพ์สตาร์ท
• ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก ไม่ใช่ของเล่นเด็ก
• ควรเก็บในที่แห้ง ไม่ชื้น อย่าให้โดนน้ำ
• ควรเก็บในที่อุณหภูมิปกติ ไม่ควรเกิน 60°C
• ห้ามเก็บในรถจอดตากแดด เพราะจะร้อนถึง 70°C ทำให้แบตเตอรี่บวม
• หากเครื่องบวม แตก รั่ว ควรหยุดใช้ทันที
• ห้ามบิดกุญแจค้างนานเกิน 3 วินาที
• หากจั๊มพ์สตาร์ทต่อเนื่อง ควรเว้นระยะเวลา 1 นาที
• หากจั๊มพ์สตาร์ท 3 ครั้งแล้วยังสตาร์ทไม่ติด ควรหยุดและปรึกษาช่างเพราะอาจเกิดจากสาเหตุอื่นเช่นไดสตาร์ท หรือระบบน้ำมัน
• ไม่ควรจั๊มพ์สตาร์ทหากไฟต่ำกว่า 3 ดวง (จาก 4 ดวง)
• ห้ามใช้จั๊มพ์สตาร์ทรถที่ไม่ใช่ 12V
เป็นอุปกรณ์ช่วยสตาร์ท ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้แทนแบตเตอรี่ รถต้องมีแบตเตอรี่อยู่
หากจั๊มพ์สตาร์ทไม่ติด
1. ตรวจสอบหัวแคล้มป์ให้แน่ใจว่าคีบแน่นและหน้าสัมผัสกับขั้วแบตเตอรี่มากที่สุด
2. ตรวจสอบหัวแคล้มป์ให้แน่ใจว่าคีบสลับขั้วหรือไม่
3. ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ว่าสะอาด ไม่มีคราบเกลือเพราะทำให้เกิดความต้านทาน
4. ตรวจสอบว่าไดสตาร์ท ระบบน้ำมัน และเครื่องยนต์ว่าทำงานปกติหรือไม่
รับประกัน 1 ปี*
ทำไมต้อง SPARK
เพราะ SPARK เป็นเครื่องจั๊มพ์สตาร์ทที่เป็นผู้นำในท้องตลาด เจ้าแรกที่จั๊มพ์สตาร์ทรถได้ทุกรุ่น มืออาชีพเลือกใช้ ศูนย์รถเบนซ์ เต้นท์รถ โชว์รูม Porsche ให้ความไว้วางใจ ทดสอบกับรถให้เห็นกันจริงๆ แอมป์จริง อย่าหลงเชื่อเครื่องจั๊มพ์สตาร์ทราคาถูกเครื่องเล็กๆเบาๆไม่มียี่ห้อแต่อ้างว่าหลายหมื่น mAh
ข้อมูลทางเทคนิค
Capacity: 8000mAh/29.6WH
Type-C Input: 5V/3A
USB1output:5V/2.1A
USB2 output: 5V/9V/12V
Start current: 400A
Peak current: 800A
อุปกรณ์ในกล่อง
1 x LCD Smart Clamp
1 x USB to USB Type-C cable for charging 1 x Manual
1 x Zipper Bag
1 x Color Box
เงื่อนไขการรับประกัน*
1. รับประกัน 1 ปี กรณีเสียจากการผลิตภายใต้การใช้งานปกติ นับจากวันที่ซื้อที่ระบุในใบเสร็จ
2. ลูกค้าจำเป็นต้องแสดงใบเสร็จรับเงินและใบรับประกันเมื่อทำการเคลม
3. บริษัทฯไม่รับเคลมหากลูกค้าไม่แสดงใบเสร็จและใบรับประกัน
การรับประกันไม่ครอบคลุม**
1. เสียจากการใช้งานผิดวิธี ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือ
2. เสียจากการใช้สายชาร์จผิด
3. ไม่ครอบคลุมแบตเตอรี่
4. แบตเตอรี่บวมจากการเก็บไว้ในรถจอดตากแดด
5. เครื่องที่ถูกเปิดออก
6. เครื่องที่ไม่มีสติ๊กเกอร์เลขเครื่อง
7. เครื่องที่สติ๊กเกอร์เลขเครื่องหลุดหรือเสียหาย ไม่สามารถมองเห็นเลขเครื่องได้
8. ใช้งานเกินกำลัง จั๊มพ์สตาร์ทรถขนาดใหญ่กว่าที่กำหนด
9. เสียเนื่องจากจั๊มพ์สตาร์ทโดยที่ไฟต่ำกว่า 3 ดวง (จาก 4 ดวง) แบตเตอรี่จะมีอาการบวมเพราะทำงานเกินกำลัง
10. เสียเนื่องจากบิดกุญแจสตาร์ทค้างนานเกิน 3 วินาที แบตเตอรี่จะจ่ายไฟจนหมดและเสีย
11. เสียเนื่องจากจั๊มพ์สตาร์ทติดกันหลายครั้งแต่เว้นช่วงน้อยกว่า 1 นาที แบตเตอรี่ทำงานหนักเกินไป เกิดความร้อนสูง จนวงจรภายในขาด หรือแบตเตอรี่บวม